Miyagi & Yamagata เที่ยวมิยางิ ยามากาตะ ทริป 3 วัน ตะลุยแลนด์มาร์กดัง ในช่วงฤดูหนาว

Miyagi & Yamagata

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) นั้นเป็นภูมิภาคที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอันตระการตา และวัฒนธรรมท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด อย่างจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) แม้ว่าในอดีตภูมิภาคนี้อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่น แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติจำนวนมากอีกด้วย เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งทางรถไฟ รถยนต์หรือเครื่องบิน

ภูมิภาคนี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด 6 จังหวัด และสำหรับการเดินทางของเราในช่วงฤดูหนาว ระยะเวลา 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเสน่ห์แบบใหม่ที่รอคอยให้ทุกคนได้มาสัมผัสของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) รับรองว่าหากคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว จะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มเข้าไปในลิสต์การเดินทางครั้งถัดไปในญี่ปุ่นของคุณอย่างแน่นอนค่ะ

– Day 1 – มิยางิ (Miyagi)

เริ่มต้นออกเดินทาง ทำจิตใจให้สงบด้วยประสบการณ์นั่งสมาธิแบบลืมตาที่วัดเค็ทซัง (Kessanji)

Miyagi & Yamagata

การเดินทางครั้งนี้เราจะเริ่มต้นจากการไปเยือนจังหวัดมิยางิ (Miyagiกันค่ะ แม้ว่าหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยว่าจังหวัดมิยางิ (Miyagi) อยู่ที่ไหน แต่หากเอ่ยถึงเมืองเซนได (Sendai) ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่สำคัญของจังหวัดมิยางิ (Miyagiล่ะก็คาดว่าหลาย ๆ คนต้องร้องอ๋อกันบ้างใช่ไหมคะ สำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดมิยางิ (Miyagiนั้นไม่ยากเลยค่ะ หากเริ่มต้นจากโตเกียว (Tokyo) สามารถนั่งรถไฟชิงคันเซ็นตรงไปได้เลยไม่มีเปลี่ยนสาย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น และครั้งนี้เรามีจุดหมายปลายทางคือสถานีชิโรอิชิซาโอะ (Shiroishizao Station) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นประตูของเมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) จังหวัดมิยางิ (Miyagi)

หลายคนอาจจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางที่อาจจะดูงบสูงเกินไป ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้งาน JR EAST PASS (Tohoku Area) ได้ โดยพาสนี้เรียกได้ว่าคุ้มสำหรับชาวต่างชาติสุด ๆ เลยค่ะ สามารถใช้งานได้ติดต่อกัน 5 วัน เดินทางได้ครอบคลุมทุกจังหวัดใน ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) เพียงราคา 20,000 เยนเท่านั้น ที่สำคัญชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้งานด้วยเช่นเดียวกันนะ

Miyagi & Yamagata

เมื่อเดินทางมาถึงสถานีชิโรอิชิซาโอะ (Shiroishizao Station) แล้วเราไปเริ่มกันที่สถานที่ท่องเที่ยวจุดแรกของวันที่หนึ่งกันเลยดีกว่าค่ะกับวัดเค็ทซัง (Kessanji) เป็นวัดประจำตระกูลคาตาคุระ (Katakura) ซึ่งเป็นผู้ติดตามของผู้ปกครองเมืองเซนไดนามว่าดาเตะ มาซามูเนะ (Date Masamune) ที่นี่เป็นสำนักนิกายเซนสายรินไซ โดยสำนักนิกายเซนนั้นเป็นหนึ่งนิกายในศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน และหัวใจของนิกายนี้ก็คือการ “นั่งสมาธิ” นั่นเอง

Miyagi & Yamagata

เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงของวัดซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการฝึกนั่งสมาธิ เราก็จะพบกับความงดงามของรูปวาดมังกรที่วาดโดยหมึกดำบนเพดานอันยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมาก บรรยากาศที่เงียบสงบและดูราวกับมีมนต์ขลังนี้ ทำให้รู้สึกจิตใจสงบขึ้นจริงๆ ค่ะ 

Miyagi & Yamagata

สำหรับการฝึกนั่งสมาธินั้นทางวัดจะจัดเตรียมหมอนรองก้นให้นั่ง และจะมีพระเป็นคนคอยสอนพร้อมกับไม้แผ่นใหญ่ที่ทางพระจะเป็นคนตีที่ตัวเราเบาๆ หากเราขยับตัวหรือเผลอหลับเป็นการเรียกสติ การนั่งสมาธิของที่นี่จะแตกต่างจากที่เราคุ้นเคยกันก็คือเป็นการนั่งสมาธิโดยไม่หลับตา เพื่อให้เราได้ฝึกสติรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวไปพร้อมกับการฝึกกำหนดลมหายใจของตัวเอง ค่าใช้จ่ายสำหรับการนั่งสมาธิคือ 2,000 เยน / 1 คน (จำเป็นต้องจองล่วงหน้า)

ลิ้มรสบะหมี่ร้อนท้องถิ่น (Umen) ที่ได้มิชลิน ไกด์ จังหวัดมิยางิ (Miyagi)

Miyagi & Yamagata

หลังจากที่ทำจิตใจให้สงบไปกับการนั่งสมาธิกันแล้ว เราก็ไปเติมพลังต่อกันที่ร้านฮิคาริอัน (Hikarian)ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือมิชลิน ไกด์ มิยางิในปี 2017 ที่นี่เป็นร้านจำหน่ายบะหมี่ร้อนหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอูเม็ง (Umen) เป็นเมนูประเภทเส้นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) อูเม็งนั้นมีลักษณะพิเศษคือไม่ใช้น้ำมันเป็นตัวประสานในการนวดแป้ง ทำให้ได้เส้นที่เหนียวนุ่ม สามารถรับประทานได้ทุกเพศและทุกวัย มีหน้าตาเหมือนกับเส้นขนมจีน

Miyagi & Yamagata

เดิมทีแล้วร้านฮิคาริอัน (Hikarian) มาจากบ้านตระกูลซามูไรเก่าซึ่งได้ปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหารมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้บรรยากาศที่นี่คงความเก่าแก่และเป็นเอกลักษณ์สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะจุดเด่นคือหลังคามุงจากที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ (Edo) ซึ่งหาชมได้ยากในยุคปัจจุบัน

Miyagi & Yamagata

นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างปราสาทชิโรอิชิ (Shiroishi Castle) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และยังมีทิวทัศน์ที่งดงามและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานอีกด้วย ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบหรือสนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

ปราสาทชิโรอิชิ (Shiroishi Castle) นั้นอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลคาตาคุระ (Katakura) โดยตระกูลดังกล่าวได้ครอบครองปราสาทยาวนานถึง 11 รุ่น จากนั้นตัวปราสาทได้ถูกทำลายลงในช่วงปฏิรูปยุคเมจิ (Meiji) ในปี ค.ศ. 1867 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1995 และอนุรักษ์ไว้มาจนถึงทุกวันนี้ หากใครที่มาเที่ยวปราสาทก็สามารถแวะมารับประทานอูเม็ง (Umen) ที่นี่กันได้

รู้จักงานหัตถกรรมท้องถิ่นอันเลื่องชื่อ และสร้างตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) ในแบบของตัวเอง

Miyagi & Yamagata

มาถึงจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ทั้งทีเราก็ต้องแวะไปชมงานหัตถกรรมท้องถิ่นของที่นี่กันใช่ไหมคะ โดยครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมายาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ และเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) 

Miyagi & Yamagata

ตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) นั้นทำมาจากไม้ทั้งชิ้นอย่างประณีตที่มีหัวกลมลำตัวทรงกระบอก ไม่มีแขนกับขาและใบหน้าที่ตกแต่งแบบเรียบเฉย เนื่องจากไม่ต้องการบ่งบอกอารมณ์อย่างชัดเจน ในขณะที่ส่วนลำตัวก็จะตกแต่งด้วยลวดลายต่าง ๆ ในสมัยก่อนตุ๊กตาโคเคชิ( Kokeshi Doll) เป็นของเล่นสำหรับเด็ก และในปัจจุบันศิลปะของงานหัตถกรรมอันเรียบง่ายและสะท้อนของความเป็นญี่ปุ่นของตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) นั้นก็ได้กลายเป็นของฝากของที่ระลึกที่ได้รับความนิยมจากผู้มาเยือนจังหวัดมิยางิ (Miyagi) เป็นอย่างมาก

Miyagi & Yamagata

สำหรับพิพิธภัณฑ์มิยางิ ซาโอะ โคเคชิคัง (Miyagi Zao Kokeshikan) นั้นได้เปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2527 เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบริเวณเชิงเขาซาโอะ (Mt. Zao) เมื่อเข้าไปจะพบกับมุมจัดนิทรรศการ ซึ่งมีตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) แบบดั้งเดิม และของเล่นไม้จากทั่วประเทศจำนวนกว่า 5,500 ชิ้น โดยจัดแสดงในลักษณะที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของตุ๊กตาดังกล่าวได้

Miyagi & Yamagata

นอกจากบริเวณโซนจัดนิทรรศการตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) แล้ว ก็ยังมีโซนอื่น ๆ ให้ได้เดินชมไม่ว่าจะเป็นโซนจำหน่ายของที่ระลึก โซนสาธิต เป็นต้น ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้มาเรียนวิธีการวาดภาพตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) กิจกรรมนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยไม่จำกัดอายุ เพียงคนละ 850 เยนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ใช้ความสร้างสรรค์ในการสร้างตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Doll) แบบเฉพาะของเราเองเป็นอย่างมากเลยค่ะ

  • หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ : ค่าเข้า 300 เยน
  • เวลาเปิด-ปิดให้บริการ : 09:00 น. – 17.00 น. 
  • โลเคชั่น Miyagi Zao Kokeshikan :

เดินเล่นย่านเมืองออนเซ็นที่ โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen) และชิมพุดดิ้งแสนอร่อย

Miyagi & Yamagata

อันดับต่อไปเรานั่งรถยนต์ใช้เวลาเพียงประมาณ 10 นาทีจากพิพิธภัณฑ์เท่านั้น เพื่อมาถึงที่โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen) ที่นี่เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเมืองซาโอะ (Zao) เดิมทีที่นี่เป็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองตากอากาศเพื่อสุขภาพ เนื่องจากคุณภาพของน้ำออนเซ็นที่ช่วยปลอบประโลมผิว และยังมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอาการปวดเส้นประสาท รวมไปถึงไขข้ออีกเสบอีกด้วย 

โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen) มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน ซึ่งได้รับการค้นพบมาตั้งแต่ 400 ปีก่อน จึงเรียกได้ว่าที่นี่มีกลิ่นอายความเก่าแก่ชวนให้หวนนึกถึงอดีต เหมาะสำหรับใครที่ต้องการมาพักผ่อนหรือฟื้นฟูร่างกายเป็นอย่างมาก ที่นี่ไม่ได้มีจุดเด่นแค่ออนเซ็นเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงย่านร้านค้า ร้านขนมหรือร้านจำหน่ายของที่ระลึกแสนน่ารักมากมายที่เรียงรายตามทาง จนคุณแทบจะอดใจไม่ไหวต้องแวะเวียนเข้าไปอย่างแน่นอน

Miyagi & Yamagata

สิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือขนมที่คาดว่าน่าจะถูกใจน้องหนู ๆ หรือเหล่าคุณผู้หญิง และยังเป็นของขึ้นชื่อของที่โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen) อีกด้วย หากใครได้แวะเวียนมาเยือนที่นี่ล่ะก็ไม่ควรพลาดเลยกับซาโอะ ยูเกะมูริ พุดดิ้ง (Zao Yukemuri Pudding) ที่นี่คือร้านพุดดิ้งสุดพิเศษแห่งแรกในเมืองซาโอะ (Zao) และเป็นร้านเดียวในจังหวัดมิยางิ (Miyagi)

Miyagi & Yamagata

พุดดิ้งเนื้อเนียนนุ่มสูตรลับที่ทำจากไข่และนมสดอันสดใหม่ ปราศจากสารปรุงแต่ง ที่สำคัญทุกกระบวนการผลิตพุดดิ้งยังทำด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ทำให้ได้รสสัมผัสที่นุ่มลิ้นละลายในปาก หอมหวานกำลังดี แถมแพ็คเกจยังน่ารักสะดุดตา เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเก๋ ๆ ได้อีกด้วย ซาโอะ ยูเกะมูริ พุดดิ้ง (Zao Yukemuri Pudding) นั้นมีรสชาติหลากหลายให้ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นรสออริจินัล รสสตรอว์เบอร์รี่ รสบลูเบอร์รี่ เป็นต้น ใครที่ชอบรับประทานพุดดิ้งล่ะก็ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

  • หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
  • เวลาเปิด-ปิดให้บริการ : 10:00 น. – 17.00 น. (หยุดวันอังคาร)
  • โลเคชั่น Zao Yukemuri Pudding :

ปิดท้ายคืนแรกด้วยการพักผ่อนที่โรงแรมซันเค โนะยาโดะ ริวเซ็น (Sankei No Yado Ryusen) 

Miyagi & Yamagata

สำหรับคืนแรกนี้เรามาค้างกันที่โรงแรมซันเค โนะยาโดะ ริวเซ็น (Sankei No Yado Ryusen) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านอาโอเนะออนเซ็น (Aone Onsen) ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากย่านโทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen) ที่เราได้ไปมาเมื่อสักครู่ หากเดินทางโดยรถยนต์จะใช้เวลาเพียงประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

Miyagi & Yamagata

อาโอเนะออนเซ็น (Aone Onsen) นั้นเป็นอีกหนึ่งย่านรีสอร์ทออนเซ็นอันเก่าแก่ ซึ่งผ่านการค้นพบในปี 1528 ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมสำหรับนักเขียนและศิลปินชื่อดังหลายท่าน เพราะมีจุดเด่นคือตั้งอยู่กลางหุบเขา ทำให้แขกผู้เข้ามาพักได้ทั้งบรรยากาศแสนสงบ และมีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก และที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงนี้ยังเคยเป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์ไทยเรื่อง “Gravity Of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด” อีกด้วย

Miyagi & Yamagata

จุดเด่นของที่พักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือนอกจากจะมีห้องพักที่ดีไซน์อย่างสวยงามในสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว เรายังประทับใจกับรสชาติอาหารที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี การบริการที่ใส่ใจทุกระดับกับพนักงานของโรงแรม และออนเซ็นกลางแจ้งส่วนตัวที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นชินกับการแช่น้ำรวมกับคนอื่น ที่สำคัญหากใครแช่น้ำเสร็จที่นี่ยังมีโซนดริงก์บาร์และไอศกรีมฟรีให้บริการด้วยนะ

Miyagi & Yamagata

หากเป็นช่วงฤดูหนาว แขกผู้เข้าพักยังได้ชมวิวหิมะสีขาวขณะแช่ออนเซ็น เรียกได้ว่าเป็นวิวธรรมชาติอันน่าประทับใจสุดๆ เลยล่ะค่ะ สำหรับใครที่ไม่ได้จองเข้าพักก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะที่โรงแรมแห่งนี้มีให้บริการ 1-Day Onsen แบบไปเช้าเย็นกลับด้วย (ต้องแจ้งกับทางฟรอนท์ของโรงแรมภายในเวลา 11:00 น. เช้าของวันที่ต้องการเข้าใช้บริการ)

– Day 2 – มิยางิ (Miyagi) และยามากาตะ (Yamagata)

สัมผัสความน่ารัก ฟูฟ่องของเหล่าจิ้งจอกที่จะทำให้ประทับใจไม่มีวันลืมกับหมู่บ้านจิ้งจอกมิยางิ ซาโอะ (Miyagi Zao Fox Village)

Miyagi & Yamagata

หลังจากที่ตื่นเช้ามาเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว จุดหมายแรกที่เราจะมุ่งหน้าไปในวันนี้เป็นสถานที่ที่เรารอคอยและตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับหมู่บ้านจิ้งจอกมิยางิ ซาโอะ (Miyagi Zao Fox Village) คาดว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อที่นี่กันมาบ้างอยู่แล้ว เพราะหมู่บ้านนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ใครที่เป็นคนรักสัตว์ล่ะก็ต้องไม่พลาดที่นี่เลย

Miyagi & Yamagata

หมู่บ้านจิ้งจอกมิยางิ ซาโอะ (Miyagi Zao Fox Village) นั้นเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกกว่า 100 ตัวแบบเปิด กล่าวคือ สุนัขจิ้งจอกนั้นได้รับการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระ ทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดเหล่าจิ้งจอกขนฟูแสนน่ารักแบบพิเศษสุด ๆ โดยที่นี่นั้นมีทั้งสุนัขจิ้งจอกสีส้ม สีขาวและสีดำ เรียกได้ว่าจิ้งจอกบางตัวนั้นแสนน่ารัก ส่วนบางตัวนั้นเท่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ  

Miyagi & Yamagata

และแน่นอนว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นยังคงมีสัญชาติญาณความเป็นสัตว์ป่า ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถจับหรือแตะต้องสุนัขจิ้งจอกได้ตามใจชอบ และเพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามกฎของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่ควรปล่อยให้มีเชือกหรือสิ่งของที่แกว่งไปมาจากเสื้อผ้าของคุณ เนื่องจากสุนัขจิ้งจอกนั้นจะสนใจต่อสิ่งเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ ทำให้อาจกระโจนเข้ามาใส่ตัวคุณและได้รับบาดเจ็บได้

Miyagi & Yamagata

บางคนอาจจะคิดว่าแค่ไปเดินดูอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะที่นี่ยังมีบริการให้อุ้มสุนัขจิ้งจอก และมีอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกจำหน่ายอีกด้วย (มีค่าใช่จ่ายเพิ่มเติม และต้องให้อาหารในบริเวณที่จำกัด) หากใครที่ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มก็สามารถแวะซื้อของที่ระลึกน้องจิ้งจอกติดไม้ติดมือกลับไปได้อีกด้วย

Miyagi & Yamagata

สำหรับการเดินทางไปยังหมู่บ้านจิ้งจอกมิยางิ ซาโอะ (Miyagi Zao Fox Village) นั้น เนื่องจากว่าสถานที่ตั้งค่อนข้างอยู่ไกลจากสถานี ทำให้การเดินทางโดยรถสาธารณะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีรอบรถบัสค่อนข้างน้อย การเช่ารถขับหรือหากใครที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว การนั่งแท็กซี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

  • หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
  • ค่าเข้าชม : ค่าเข้า 1,000 เยน
  • เวลาเปิด-ปิดให้บริการ : ฤดูร้อน 09:00 น. – 17.00 น. / ฤดูหนาว 09:00 น. – 16.30 น.
  • โลเคชั่น Miyagi Zao Fox Village :

ชมงานเครื่องปั้นดินเผา ชิ้นงานอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

Miyagi & Yamagata

สถานที่ถัดไปเราจะไปชมผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาที่มุเก็นโทโบ (Mugentobo) ที่นี่ใช้ดินเหนียวคุณภาพสูงจากเมืองชิจิกาชุคุ (Shichigashuku) ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ในการหล่อหลอมและเผาเป็นเครื่องปั้นดินเผาที่มีลวดลายอันงดงาม แข็งแรงทนทาน เหมาะสมกับทุกการใช้งาน จุดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาที่นี่คือทุกชิ้นงานนั้นผ่านกระบวนการผลิตด้วยมือทั้งสิ้น ทำให้ชิ้นงานแต่ละชิ้นมีความโดดเด่นและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ใครที่กำลังหาของที่ระลึกให้กับผู้ใหญ่หรือคนที่บ้านล่ะก็ เครื่องปั้นดินเผาที่ว่านี้อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกดี ๆ ก็เป็นได้ค่ะ

Miyagi & Yamagata

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี “กิจกรรมปั้นเครื่องปั้นดินเผา” ที่คุณสามารถรังสรรค์ผลงานออริจินัลของตัวเอง โดยมีพนักงานดูแลอยู่เคียงข้าง ต้องบอกเลยว่าพนักงานทั้งร้านเป็นหนุ่มหน้าใสหน้าตาดีทุกคนค่ะ และหลังจากที่ปั้นเสร็จแล้วทางร้านจะส่งงานปั้นของคุณภายใน 1 – 2 เดือน โดยกิจกรรมนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 1,800 เยน (ไม่รวมค่าจัดส่ง) สำหรับใครที่เดินทางไปคนเดียวก็สามารถเข้าร่วมได้

รู้จักคอนเนียคุ (Konnyaku) บุกเพื่อสุขภาพที่นำมารังสรรค์เป็นเมนูแสนอร่อย

Miyagi & Yamagata

หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับการท่องเที่ยวในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) กันไปแล้ว ต่อจากนี้เราจะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดต่อไปก็คือจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ค่ะ โดยมื้อกลางวันของวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับคอนเนียคุ (Konnyaku) หรือภาษาไทยก็คือ “บุก” นั่นเอง

คอนเนียคุ (Konnyaku) นั้นเหมะสำหรับสาว ๆ ที่กำลังไดเอตเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีแคลลอรี่ต่ำ มีรสสัมผัสหนึบหนับอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับเยลลี่ หลายคนอาจจะคิดว่าการรับประทานบุกเป็นอาหารหลักอาจจะไม่ได้รสชาติเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณได้ไปเยือนร้านที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ รับรองว่าคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน

Miyagi & Yamagata

ร้านที่เราจะแนะนำต่อไปนี้คือ ทันโนะ คนยะคุ (Tanno Konnyaku) ตั้งอยู่ในเมืองคามิโนะยามะ (Kaminoyama) ​ที่นี่เป็นร้านเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 เป็นร้านอาหารดั้งเดิมชื่อดังของจังหวัดเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้คอนเนียคุ (Konnyaku) เสิร์ฟในรูปแบบอาหารประเภทไคเซกิ (Kaiseki)

ไคเซกิ (Kaiseki) นั้นเป็นอาหารญี่ปุ่นประเภทคอร์สที่ต้องใช้ความประณีตและความพิถีพิถันทุกขั้นตอนในการปรุงและการจัดเสิร์ฟอย่างสูง โดยทั่วไปแล้วมักเป็นเมนูที่เสิร์ฟตามร้านภัตตาคารญี่ปุ่น หรือเรียวกัง ซึ่งคนญี่ปุ่นมักนิยมรับประทานในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ เป็นต้น 

Miyagi & Yamagata

สำหรับร้านทันโนะ คนยะคุ (Tanno Konnyaku) แห่งนี้ได้ดัดแปลง คอนเนียคุ (Konnyaku) ทั้งเป็นเมนูอาหารหวานและอาหารคาว ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิคอนเนียคุ เทมปุระคอนเนียคุ เยลลี่รสผลไม้ต่างๆ ที่ทำจากคอนเนียคุ เรียกได้ว่า รสชาติดีมากจนลืมไปเลยว่าอาหารเหล่านี้ทำมาจากบุก หากใครที่ติดใจในรสชาติที่นี่ยังมีโซนจำหน่ายของที่ระลึกให้ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกลับไปอีกด้วยนะ

  • หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
  • เวลาเปิด-ปิดให้บริการ : 9:00 น. – 16.30 น.  (หยุดวันอังคาร)
  • โลเคชั่น Tanno Konnyaku :

สวมชุดฮะกะมะ (Hakama) เดินเล่นชมเมือง แช่ออนเซ็นเท้าที่คามิโนะยามะออนเซ็น (Kaminoyama Onsen)

Miyagi & Yamagata

จุดหมายแรกที่เราจะพาทุกคนไปเที่ยวจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ในครั้งนี้ก็คือคามิโนะยามะออนเซ็น (Kaminoyama Onsen) หลายคนพอได้ยินชื่อจังหวัดนี้แล้วส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงกินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen) แต่ที่จริงแล้วคามิโนะยามะออนเซ็น (Kaminoyama Onsen) เองก็โด่งดังไม่แพ้กันเลยค่ะ ด้วยพื้นที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด การเดินทางสะดวก ที่พักราคาไม่แพง และยังเป็นย่านเมืองเก่าที่มีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้าหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอะชิยุ (Ashiyu) อีกด้วย

Miyagi & Yamagata

สำหรับย่านคามิโนะยามะออนเซ็น (Kaminoyama Onsen) นั้นมีกลิ่นอายความเป็นเมืองเก่า จึงเหมาะสำหรับกับการใส่ชุดยูกาตะ (Yukata) หรือกิโมโน (Kimono) เดินเล่นชมบรรยากาศโดยรอบ และในวันนี้เราอุตส่าห์เดินทางมาถึงนี่แล้วก็ถือโอกาสลองแต่งชุดฮะกะมะ (Hakama) กันดูดีกว่า

Miyagi & Yamagata

ฮะกะมะ (Hakama) คือชุดที่สาวญี่ปุ่นนิยมใส่ในวันพิธีจบการศึกษา เดิมทีชุดนี้เป็นของผู้ชายที่ใส่ในงานพิธีการสำหรับชนชั้นสูง แต่หลังจากที่เข้าสู่ยุคเมจิ (Meiji) ก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดที่ผู้หญิงเริ่มนำมาใส่ เป็นชุดที่น่ารักและเคลื่อนไหวสะดวกมากค่ะ ไหน ๆ เราก็แต่งตัวเต็มยศกันแล้ว จึงถือโอกาสแวะไปเดินเล่นที่ย่านบ้านพักซามูไร โดยมีบางหลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบรรยากาศด้านใน ซึ่งภายในบ้านก็ได้จำลองรูปแบบห้องต่าง ๆ ในสมัยก่อนได้อย่างสมจริงราวกับหลุดไปอยู่ในยุคซามูไรจริง ๆ เลยค่ะ

Miyagi & Yamagata

และคืนนี้เราจะปิดท้ายกันด้วยการไปพักที่โรงแรมอะริมะคัง (Arimakan) ซึ่งอยู่ในคามิโนะยามะออนเซ็น (Kaminoyama Onsen) ไม่ไกลจากบริเวณย่านเมืองเก่าเท่าไหร่นัก ที่นี่เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่มีอายุประมาณ 100 ปี ห้องพักจึงตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ที่มีทั้งเสื่อทาทามิผสมผสานกับเตียงนอนสไตล์ตะวันตก

Miyagi & Yamagata

เท่านั้นยังไม่พอนะคะ โรงแรมแห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยบ่อออนเซ็นที่มีให้เลือกสรรกว่า 10 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ่อออนเซ็นแบบกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังล่อยลอยอยู่บนท้องฟ้า บ่ออ่างจากุชชีที่ช่วยให้ผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี

Miyagi & Yamagata

ไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือบ่อออนเซ็นส่วนตัวสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปามุคคาเล่ (Pamukkale) หรือปราสาทปุยฝ้ายซึ่งเป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดจากธารน้ำใต้ดินในประเทศตุรกี (Turkey) ดีไซน์น่ารักและเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ เรียกว่าหาชมได้ยากในญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ

– Day 3 – ยามากาตะ (Yamagata)

ชมงานเทศกาลสุดแปลกที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งกับเทศกาลคะเสะโดริ (Kasedori)

Miyagi & Yamagata

และแล้วก็มาถึงการเดินทางวันสุดท้ายของทริปนี้ที่จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) เราได้ตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษที่ทางจังหวัดมีงานเทศกาลท้องถิ่นชื่อว่า “เทศกาลนกฟางข้าว” หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าคะเสะโดริ (Kasedori) ซึ่งจะจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น เป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีความเป็นเอกลักษณ์และหาชมได้ยาก

Miyagi & Yamagata

เทศกาลคะเสะโดริ (Kasedori) มีเรื่องราวความเป็นมาว่าในสมัยก่อนภูมิภาคนี้เคยเกิดเพลิงไหม้ และนกคะเสะโดริ (Kasedori) ในตำนานได้มาช่วยดับไฟ ทำให้คนท้องถิ่นต่างเคารพและศรัทธา จนในช่วงฤดูหนาวทุกปีชาวเมืองคามิโนะยามะ (Kaminoyama) จะมารวมตัวกันจัดงานเทศกาลทุกวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่หน้าปราสาทคามิโนะยามะ (Kaminoyama Castle) เพื่ออธิษฐานขอให้ป้องกันอัคคีภัย และขอให้เป็นปีที่รุ่งเรือง 

Miyagi & Yamagata

ลักษณะงานเทศกาลนี้ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เนื่องจากว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกับเทศกาลที่ไหนมาก่อน ในช่วงก่อนเริ่มพิธีจะมีการสวดมนต์ก่อน จากนั้นเหล่านักแสดงจะใส่เสื้อคลุมที่ทำจากฟางเป็นรูปนกมาร่ายรำรอบกองไฟ โดยเหล่านักแสดงจะร้องว่า “คัคคะคา (Kakkakaa!)” ซึ่งเป็นการเลียนเสียงร้องของนกนั่นเอง และความสนุกยังไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น เพราะเหล่าผู้เข้าชมสามารถสาดน้ำเย็นใส่เหล่านกได้อีกด้วย โดยเชื่อกันว่าทุกคนที่ถูกสาดน้ำจะได้รับพรตลอดปีนั่นเอง

ตื่นตาตื่นใจไปกับปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) ปรากฎการณ์ที่หาชมได้เฉพาะที่ภูเขาซาโอะ (Mount Zao)

Miyagi & Yamagata

หลังจากที่เราสนุกสนานไปกับงานเทศกาลท้องถิ่นแล้ว จุดหมายสุดท้ายของเราสำหรับการเดินทางในครั้งนี้คือกระเช้าลอยฟ้าซาโอะ (Zao Ropeway) เพื่อขึ้นไปชมปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “จูเฮียว” (Juhyo) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีต้นไม้นับร้อยต้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทำให้ต้นไม้เหล่านั้นมีรูปร่างหน้าตาประหลาดคล้ายกับปีศาจ โดยในประเทศญี่ปุ่นสามารถหาชมได้เฉพาะที่ภูเขาซาโอะ (Mount Zao) ที่เดียวเท่านั้น โดยจะเริ่มชมได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมของทุกปี และจะมีการจัดไฟประดับในช่วงกลางคืนด้วย

Miyagi & Yamagata

นอกจากการไปชมปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) จะเป็นไฮไลท์สำคัญแล้ว ที่นั่นยังเป็นสกีรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานไปกับการเล่นสกี สโนว์บอร์ดและกิจกรรมฤดูหนาวต่าง ๆ อีกด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถลื่นสไลด์ผ่านปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) ดังกล่าวนี้ได้เลย เรียกว่าเป็นหนึ่งในลานสกีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก หรือหากใครที่ต้องการขึ้นไปชมและถ่ายรูปเพียงอย่างเดียวก็สามารถซื้อตั๋วกระเช้าลอยฟ้าแบบไป – กลับเพียงอย่างเดียวได้ในราคา 3,000 บาท

Miyagi & Yamagata

ทันทีที่เรามุ่งสู่ยอดเขาและเดินออกมาจากตัวอาคารจะต้องตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการของปรากฎการณ์ธรรมชาตินี้ เพราะในวันที่ฟ้าใสเราจะได้เห็นปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) ที่เรียงรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บริเวณนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการปีนเขาด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือไม้ค้ำและรองเท้าสโนว์ชู (Snowshoe) สำหรับใช้เดินบนหิมะนั่นเอง และเนื่องจากว่าสภาพอากาศค่อนข้างหนาวจัดเนื่องจากเราต้องขึ้นไปสู่ยอดเขา จึงขอแนะนำให้ทุกคนเตรียมถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันความหนาวมาด้วยนะคะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ นี่เป็นเพียงเรื่องราวและเสน่ห์เพียงบางส่วนของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagataที่เราได้คัดเลือกมาฝากทุกคนกันเท่านั้น ทั้งสองจังหวัดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจที่รอคอยให้ทุกคนได้ไปค้นหา หากอยากลองสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ยกระดับการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม เราขอแนะนำให้คุณลองไปเที่ยวที่ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Regionแล้วมาแชร์ประสบการณ์ดี ๆ กันนะคะ

อ่านรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเมืองอื่น ๆ ได้ที่นี่เลยจ้า : https://go-graph.com/

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest