France isn’t only about Paris EP 1
ใครที่ไปฝรั่งเศสจนเบื่อ Paris แล้ว
ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวเมืองอื่นๆ บ้าง จะได้ความรู้สึกอีกแบบที่ต่างกันสุดๆ
เป็นการเที่ยวแบบชิมบรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ
และนั่งมองผู้คนและหายใจทิ้ง (อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นทริปคนแก่นะ 55)
France isn’t only about Paris EP 1
มาเริ่มต้นกันที่เมือง Montpellier ก่อนเลย เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของ ฝรั่งเศสเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ
ดื่มด่ำบรรยากาศ และมีชีวิตแบบ happy and slow life สำหรับใครที่คิดจะมาเรียนต่อที่นี่ก็ลองคิดให้ดีๆ
เพราะคน ฝรั่งเศส ส่วนมากในช่วงท้ายของการทำงานก่อน retired จะย้ายมาทำงานที่นี่เพื่อน
ผู้คนค่อนข้างจะ enjoy life มากกว่า ดังนั้น ครูอาจารย์ หรือ เพื่อนร่วมงานก็จะทำงานกันแบบชิวๆ ไม่รีบ
ไม่แข่งขัน และคำพูดติดปากของคนที่นี่ก็คือ อย่าทำงานหนักนะ
ส่วนถ้ามาเที่ยวแล้วหละก็ happy แน่นอน มีอะไรให้ชมบ้างไปดูกัน
8 สิ่งให้ทำใน Montpellier, City Centre
1.Place de la Comedie (จตุรัสหรรษา)
ที่นี่เป็นศูนย์กลางความสนุกสนานของคนในเมือง ถ้าเทียบกับที่ไทยแล้วก็เหมือนเรามาสยามนั่นแหละ
แต่คนที่นี่ส่วนมากจะเอ็นจอยกับการนั่งดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาและจิปกาแฟไปพลางๆ ที่เรียกว่า “หรรษา”
ก็เพราะมีโรงละครและแหล่งความบันเทิงต่างๆ อยู่ตรงนี้หมด เช่น ชอปปิ้งสตรีท บาร์และคาเฟ่เก๋ๆ
การเดินทางก็แสนสะดวกสบาย ที่นี่มีรถรางบริการ 4 สาย 4 สี (สายสีน้ำเงินและเหลืองจะมาจอดที่จตุรัส Comedie)
การจ่ายค่าขึ้นรถก็คือ เค้าจะมีขายบัตรเดินทางแบบ 10 ครั้ง จะใช้กี่คนก็ได้ แต่ทุกครั้งที่ขึ้นก็ต้องเสียบบัตรเข้าเครื่องตามจำนวนคนที่ขึ้น
ถ้าใครไม่มั่นใจว่าชอบเดินหรือชอบนั่ง ก็ซื้อมาแบ่งกับเพื่อนก่อนก็ได้
2.Les 3 Graces รูปปั้นผู้หญิง 3 คน
ตั้งอยู่ใจกลางจตุรัส Comedie เป็นรูปปั้นของลูกสาวทั้งสาม ของ Zeus (ซีอูส) ชื่อ ว่า Aglae, Euphrosine
และ Thalie มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่ ร่ำรวย และ สุขสบาย (ให้ความรู้สึกเหมือน “ฮก ลก ซิ่ว” ในเวอร์ชั่นหญิงสาว)
ภาพ : นาฬิกาแดดที่อยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยแพทย์
3.Medical School และ St. Pierre Cathedral
เป็นมหาวิทยาลัยแพทย์แบบตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ข้างในก็มีรูปปั้นบุคคลสำคัญต่างๆ
แต่ที่เราตื่นเต้นก็คือ นาฬิกาแดดที่อยู่ด้านหน้า ใครเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นกับตาก็ลองโฉบๆไปดูนะ
เดินเลยไปอีกหน่อยก็เป็น โบสถ์ St. Pierre Cathedral
เพิ่มเติม
Cathedral – ส่วนมากแล้วจะเป็นโบสถ์ใหญ่ สวยและอลังการ แต่ไม่ใช่เสมอไป
เค้าวัดกันที่ว่า โบสถ์ๆ นี้ดูแลโดยบาทหลวงคนไหนมากกว่า
4.Musee Fabre (ปิดวันจันทร์)
ภาพนี้เป็นด้านข้างของ Museum ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ด้านในมีทั้งส่วนที่เป็นถาวรและชั่วคราวให้เลือกชม
สามารถเลือกชมแยกกันได้ ส่วนใครที่เป็นนักเรียน EU อย่าลืมพกบัตรนักเรียนไปด้วยนะเออ จะได้ส่วนลดค่าเข้าชมจ้า
5. The Arc de triomphe
ออกมาจาก museum ก็เดิน เข้าถนน Rue Foch ไปประตูชัยแห่ง Montpellier
ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนกัน The Arc de triomphe ของ ปารีส นั่นเอง
6.Place Royale du Peyrou
เป็นสวน เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะเจอ รูปปั้น หลุยส์ที่ 14 ในสวน และ Aquaduc ทางส่งน้ำสมัยโรมัน
(aqua แปลว่า น้ำ ส่วน duc แปลว่า ทาง) เป็นวิธีการในสมัยก่อนที่ระบายน้ำมาจากภูเขา โดยใช้การต่างระดับ
ระบายน้ำเข้ามาในเมือง มาพักน้ำในนี้ก่อนแล้วจึงส่งต่อไปยังบ้านต่างๆในเมือง อารมณ์แบบการประปานั่นเอง
แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว พื้นที่ตรงในบริเวณนี้จึงแปรสภาพเป็นส่วนหย่อมและแหล่งท่องเที่ยวแทน
7. Chez Regis , Les Caves Jean Jaures
ถึงเวลาอาหารกลางวันกันบ้าง เราเลือกกินที่ร้านนี้ในย่าน Les Caves Jean Jaures เป็น open space
มีร้านอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศสให้เลือกมากมาย คนส่วนมากจะเลือกร้านที่มีที่นั่งข้างนอกเพื่ออิ่มเอมกับ
บรรยากาศและแสงแดดด้านนอก เราเลือกกิน หอยแมลงภู่อบ และ สลัด
คนฝรั่งเศสมีความเชื่อว่า จะไม่กิน oyster (หอยนางรม) ในเดือนที่ชื่อมีไม่มีตัว R ประกอบ
เพราะฉะนั้นเดือน ก็คือ may,june,july,aug นั่นเอง (ทั้ง 4 เดือนนี้ไม่มีตัว R อยู่เลย)
คิดว่านี่เป็นเทคนิคการสอนลูกหลานไม่ให้กิน oyster ในฤดูผสมพันธุ์ ที่น่าสนใจดีนะ : )
แถมอีกจานคือ สลัดและชีสอบบนขนมปังกรอบ เป็นสลัดแบบผสมระหว่าง ของร้อน และ ของเย็น (ไม่ควรพลาด)
8.Rue de l’Ancien Courrier – Rue du Petit Saint Jean
ที่ Montpellier นอกจากจะเต็มไปด้วยประวิตศาสตร์สาระมากมายและร้านอาหารรสเลิศแล้ว
ยังมีแหล่งให้ช้อปปิ้งของฮิปๆ พวก young designer เสื้อผ้า กระเป๋าหนัง รองเท้า และย่านบาร์ฮิปๆอีกมากมาย
ใครที่เคยมา ฝรั่งเศส อาจจะคิดว่า คน ฝรั่งเศส ดูหยิ่งและไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือ
แต่ไม่ใช่ใน Montpellier แน่นอน !!
ภายในวันครึ่ง ที่พวกเราเหล่าชาวเอเชียหัวดำเดินทั่วเมือง กลับมีเรื่องราวน่าสนใจที่คนในเมืองพยายามเค้ามาพูดกับเราด้วย
เช่น เดินอยู่แถวๆโรงเรียน Medical School ก็มีคุณลุงใจดีพยายามอธิบายด้วยภาษาฝรั่งเศสจัดเต็ม
เดาๆ เอาได้ว่าให้เข้าไปดูอะไรซักอย่างในซอยนั้นหนะ พร้อมกับทำมือไม้ แอคติ้ง เล่นใหญ่ให้เราเข้าไปดูจนได้
ถือว่าเขาพยายามมากเลยที่จะให้เราเข้าไปดูจริงๆ (ถึงแม้จะพูดกันไม่รู้เรื่องก็เถอะ เราก็ซึ้งใจนะ)
อีกเหตุการณ์ก็ คือ คุณพ่อที่ไปด้วยกำลังขอทิชชู่จากคุณแม่ตอนยืนอยู่บนรถราง
แต่คุณแม่ก็ดันมีกระดาษทิชชูแผ่นเล็กไปหน่อย พอดีมีคุณลุงใจดีแอบเห็น ถึงกับควักกระดาษทิชชู่ของตัวเอง
มาให้จำนวนหนึ่งแล้วส่งต่อมาให้จนถึงคุณพ่อ ทำเอาพวกเราทั้งบ้านถึงกับอึ้งสุดๆ กับความใจดีของเขา
หรือว่านี่เป็นมาตราการส่งเสริมการท่องเที่ยวของชาว Montpellier นะ 555 แบบว่า
land of kindness แคมเปญคล้ายๆ land of smile ของบ้านเรานะ 555
คนที่นี่มิตรกับนักท่องเที่ยวเราจะได้รู้สึกประทับใจกับเมืองนี้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย : )
จบกันไปแล้วกับ France isn’t only about Paris EP 1 รู้จักประเทศ ฝรั่งเศส มากขึ้นเยอะเลย
ไปต่อกับที่เที่ยวยุโรปสวยๆได้ที่
MORE +
*จริงๆที่เที่ยวในเมืองยังมีอีกมากแต่เรามีเวลาแค่ 1 วันในตัวเมืองก่อน เพื่อเตรียมตัวนั่งรถไปดูธรรมชาติของ ฝรั่งเศส กัน!
ติดตามต่อในตอนถัดไป
* ลิงค์แผนที่เมือง http://www.ot-montpellier.fr/_objets/medias/autres/plan-touristique-gb-621.pdf
ปล.หากข้อมูลมีความผิดพลาดประการใดขออภัยมาณที่นี้ด้วย
(ข้อมูลส่วนมากฟังมาจากไกด์ local เป็นภาษาอังกฤษอาจมีความคลาดเคลื่อนกรุณาอ่านเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น)
*รูปทั้งหมดถ่ายด้วยไอโฟนคุณภาพอาจจะไม่ค่อยคมชัดนักแต่ไม่ผ่านการรีทัชใดๆ