[Go!Graph x Prince Hotel] Tokyo Cafe 2017 | คาเฟ่ โตเกียว ภาคเสริม ฮาราจูกุ ชิบูย่า ชินจูกุ
เรามาที่ โตเกียว อีกแล้ว เราจะมาอัพเดตคาเฟ่ และ ร้านอาหารใหม่และเก่า ที่เราได้ไปลองเพิ่มกันบ้าง ครั้งนี้เราเน้นไปที่ย่านฟชั่น ช๊อปปิ้ง ฮาราจูกุ ชิบูย่า ชินจูกุ
ช่วงกลางได้มาโตเกียวอีกรอบเลยเดินตระเวนย่านฮิตว่ามีอะไรแปลกใหม่เพิ่มบ้างมาดูกัน
Gyukatsu Aona
ร้านข้าวเนื้อทอด ขอย้ำเลยว่าสายเนื้อห้ามพลาด! ร้าน Aona มีอยู่หลายสาขาอยู่ อูเอโนะ ชิบูย่า ชินจูกุ ก็แล้วแต่สะดวกจะไปกินเนอะ ข้าวเนื้อทอดที่นี้ไม่ธรรมดา เพราะข้าวเนื้อทอดแบบเนื้อแรร์ แค่เอาเนื้อไปชุบแป้งทอดพอกรอบแต่ข้างในยังแรร์นุ่มละลายอยู่ เพราะร้านนี้ใช้เนื้อวากิวนั้นเอง เมนูจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือเนื้อวันในประเทศ เนื้อวัววากิว และเนื้อวัวลายหินอ่อน จริงๆ จากที่ลองมาแค่แบบเนื้อในประเทศก็ดีงามมากแล้ว แต่ถ้าอยากได้นุ่มและละลายกว่านี้ก็สั่งวากิวไปเลย
ตามเมนูมี 3 แบบ ราคาที่ต่างกันคือน้ำหนักของเนื้ออยากได้เยอะๆก็สั่งแพงๆไป และมีวาซาบิขายเพิ่มด้วย 100 เยนแต่ในเซตมีให้หน่อยอยู่แล้วนะ ไม่ต้องสั่งเพิ่มก็ได้
เราสั่งแบบเนื้อในประเทศ ดูลายอาจไม่เยอะ แต่ถือว่าดีแล้ว
ซุปคอมบุ ซดรสกลมกล่อม หอมๆ
เสิร์ฟพร้อมข้าวธัญพืช
ดูเนื้ออออออ ความดีงามคือมันมีความกรอบของแป้งทอด แล้วเจอกับเนื้อนุ่มๆ แบบละลาย ทานพร้อมข้าวนะ อย่างดีงาม
แนะนำลองทานกับวาซาบิ เข้ากันสุดๆ
สายเนื้อห้ามพลาดดดดดดดด ไม่ผิดหวัง
Harajuku
ตอนมาเรามาเดินย่าน Harajuku กันเป็นย่านแฟชั่นดั้งเดิมของโตเกียวอยู่ ใครๆก็คงรู้จัก เราก็ไม่ได้มานานแล้วด้วย เลยอยากเดินกลับไปดูว่ามีอะไรเจ๋งๆ อีกไหม
Meiji Shrine
ก่อนไปเดินถนนฮาราจูกุไปแวะศาลเจ้าเมจิ ก่อนเลยอยู่ติดสถานี JR Harajuku เลย ความเจ๋งของศาลเจ้าเมจิ คือเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดของโตเกียว แต่ความสำคัญคือเป็นป่าของโตเกียวนั้นเอง แต่เดิมพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นป่าเลย เป็นป่าที่ปลูกจากมือคน ป่าแห่งนี้ได้จากพืชพันธุ์จากการบริจาคต้นไม้ท้องถิ่นทั่วทั้งญี่ปุ่น มาปลูก โดนมีผู้ชำนาญการณ์ดูแลพื้นป่าแห่งนี้ ในช่วงแรกยังต้องมีการดูแลอยู่ พอต้นไม้เริ่มเติบโตก็ปล่อยให้ต้นไม้ดูแลกันเอง และยังตั้งให้เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าต้นไม้ในศาลเจ้าเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า จึงไม่คิดจะตัด จนเป็นป่าศาลเจ้าเมจิแแห่งนี้ขึ้นมา กฏของป่านี้ห้ามหยิบทุกอย่างออกจากป่าแห่งนี้ ห้ามเด็ดแม้แต่ใบไม้ที่ร่วงลงมาด้วย แนะนำว่าควรไปซักครั้ง สวยมาก
Takeshita Street
ถนนสายแฟชั่นแห่งย่านฮาราจูกุเต็มไปด้วยคนมากมายตลอดเวลา ร้านเสื้อผ้าก็เต็มไปหมด เครื่องสำอาง ราคาของย่านนี้ค่อนข้างถูก วัยรุ่นเลยเยอะมาก และห้ามพลาด ของกิน! ถนนเส้นนี้คิดชื่อเรื่องของกิน โดนเฉพาะพวกขนม ไอติม นี้มีหลายร้านมากมาย ต้นกำเนิดเครปญี่ปุ่นก็มาจากที่นี้แหละ งั้นเรามาดูกันว่ามีอะไรใหม่ๆเพิ่มอีกบ้าง
ร้านแรก Totti Candy Factory เป็นร้านที่น่าจะแถวยาวที่สุดในตอนนี้ เป็นร้านขนมสายไหมอันยักษ์ ยักษ์มาก เพราะกินได้ที 3 คนสบายๆเลย ร้านจะอยู่ชั้นสอง แต่คิดรออยู่ด้านล่าง เวลาคนได้สายไหมมา ก็จะเดินลงจากบันไดถือสายไหมใหญ่ๆลงมา ดูเป็นการโชว์ที่ดี ฮ่าๆ แล้วด้านล่างร้านก็จะเต็มไปด้วยคนกินสายไหมเต็มไปหมด แต่เราไม่ได้ลองเลยบอกเรื่องรสชาติไม่ได้
Kanazawa Ice
ร้านนี้ความเจ๋งคือเป็นไอศครีมที่เขาบอกว่าไม่มีวันละลายยยยยย ด้วยนวัตกรรมแบบใหม่ของญี่ปุ่นทำให้ไอศครีมนี้ แม้จะยืนกางแจ้งก็ไม่ละลายง่ายๆ เราเลยต้องมาพิสูจน์กัน
ร้านเพิ่งเปิดไม่นานเมนูเลยไม่เยอะมาก ตอนแรกให้เลือกว่าจะเอาไอติมแบบไหน แล้วให้เลือกท๊อปปิ้งเสริม
แน่นอนเราเลือกคุมามงซิ
ได้คุมามง กับสี ที่ทำจากช๊อคโกแลต นั้นเอง
ระบายใส่เลยยยย เราเติมแต่แก้มพอจบ
แล้วช๊อกโกแลตเหลือ ไม่รู้ทำอะไร ก็เติมต่อไปซิ ฮาๆๆ สยองกันเลย
สรุปเราลองถือเฉยๆ เดินออกข้างนอก มันก็ไม่ละลายซักที แปลกดีเหมือนกัน ไม่รู้ทำยังไง แต่อย่าหวังกับรสชาตินะ
Croquant Chou Zaku Zaku
มาต่ออีกร้าน ร้านนี้ก็คิวยาวเหมือนกัน เป็นร้านขายชูครีม เราได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล ใครไม่หันไปดูนี้ก็แปลกมาก กลิ่นแบบเหมือนจูงเราเข้าร้านให้ได้ ชูครีมร้านนี้จะเป็นแบบแท่งยาวๆ เคลือบด้วยถั่วกรอบๆ รอบๆ หอมหวานกรอบ อร่อยมาก และอีกอย่างที่เด็ดคือซอฟครีมร้านนี้ นมแบบเข้มข้นมาก โรยด้วยถั่วกรอบๆแบบชูครีมนั้นแหละ อร่อยมากกกก กก กก ก ก ก จริงๆ ห้ามพลาด ร้านนี้มีหลายสาขาอยู่นะ เจอแล้วอย่าพลาดล่ะ
ซอฟครีม นี่สวรรค์เลย
ชูครีมก็ดีไม่แพ้กันนนน
Harry Hedgehog Cafe
คาเฟ่เม่นแคระ สุดตะมุดตะมิด อยู่แถวด้านหน้าฮาราจูกุ ย่านเดินไปแถวโอโมเตะซานโดะ
มาถึงกดแพคเกจตามตู้เลยอยากได้แบบไหนง่ายๆ ครึ่งชม. 1400 เยน ถ้าเอาอาหารเลี้ยงเม่นด้วยเป็น 1630 เยน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอาหารเป็นหนอนเป็นๆนะ ใครกลัวก็อย่าสั่งมาล่ะ ฮาๆ
มีเขียนคำอธิบายภาษาอังกฤษ
เข้ามาด้านในเลยพนักงานจะพาไปตามมุมส่วนตัว มีเม่นน้อยให้สองตัวอยู่ตู้กระจก
ทุกตัวเหมือนหลับอยู่ แต่พอลองจับก็มองตาแป๋ว ถ้าอาหารถึงปากนี้ตื่นทันที ฮาๆ
หนอนเป็นๆ มีความสยองเล็กน้อย
มีที่เล่นเม่นแคระหลายจุดอยู่
แต่บางทีก็ดิ้นมากมาย จะลงแล้วววว
นอกจากอาหารเม่น ก็มีอาหารคนด้วยนะ พวกเครื่องดื่มแบบต่างๆ
ใครกลัวเจ็บมือก็มีถุงมือให้ใส่จับด้วย
แล้วเจ้าเม่นแคระก็นอนหลับม้วนกลมต่อ เป็นคาเฟ่ที่น่ารักมากๆ แต่ราคาก็แพงเอาเหลืออยู่เหมือนกัน แต่ก็นะ เพื่อแลกกับความน่ารักแปปหนึ่ง
Magia di farina
เราเดินมาต่อถึงย่านชิบูย่ากันบ้าง มาถึงร้าน Magia di Farina ร้านดังเรื่องแพนเค้กฟูๆสุดนุ่ม
ร้านอยู่ใต้ดินและมีคิวอยู่เสมอ วันนี้ถือว่าคิวน้อยอยู่รอไม่นาน
ระหว่างรอคิวก็เลือกเมนู มีทั้งแบบคาวและแบบหวาน ร้านนี้สามารถสั่งจานเดียวแชร์กันได้ ปกติร้านญี่ปุ่นเหมือนมีกฎว่าต้องสั่งอย่างน้อยคนละเมนู แต่ร้านนี้ไม่เป็นไร พูดจริงถ้ากินข้าวมาแล้ว แล้วเจอขนมร้านนี้ต้องแบ่งกันถึงจะหมดนะ
ระหว่างรอคิวก็มีดูวิธีการทำได้ เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันต้องฟู นุ่มมากๆ แน่ๆ
มาแล้วว เราสั่งแบบเบสิคพอ จะมีเนยสดด้านบน และเราสั่งเพิ่มวิปครีม กับไอศครีม ฟูหอมนุ่ม ดีมาก
ให้ดูอีกด้าน ฟูสุดๆ หอมเนยมาก มิน่าร้านนี้มีคนต่อคิวเยอะตลอดเวลาเพราะมันอร่อยไง
The Rally Table
ต่อมาร้านนี้เพิ่งเปิดไม่นาน เป็นร้านที่อยากมามากๆ เพราะเป็นคาเฟ่ปิงปองนั้นเอง แบบว่าเจ๋งอยากเห็นเลย
แค่คอนเซปหน้าร้านก็เจ๋งมากล่ะ กินสเต็ก ไวน์ เบียร์ แล้วตีปิงปองไปด้วย
เป็นร้านบาร์ชิคๆเจ๋งมาก
ในส่วนบาร์จะมี 1 โต๊ะ แต่จะมีห้องแบบส่วนตัวด้วยด้วยนะต้องจองล่วงหน้า สามารถจัดปาร์ตี้ได้เลย ชอบมาก
นอกจากบาร์แล้ว ยังมีร้านขายอุปกรณ์ปิงปอง แล้วเราไปดูมาจริงๆแล้วตึกนี้ทั้งตึกเป็นยิมปิงปอง แบบเล่นก็จริงจังมาก อยากให้มีแบบนี้ที่ไทยเลย
มาดูบรรยากาศในร้านกันต่อ
ที่นี้มีอาหารที่ใช้ธีมปิงปองด้วย อันนี้เป็นบ๊วยโซดา ใช้บ๊วยสีส้มที่กลมมากจนเหมือนลูกปิงปองเลย
ไอศครีมไม้ปิงปองเก๋ๆ ใครชอบปิงปองจะหลงรักคาเฟ่แห่งนี้มากแน่ๆ
Shelf 67 Book&Cafe
ต่อมาร้านนี้เราค้นพบโดยบังเอิญ มันคือคาเฟ่แบบโคดเท่อยู่ด้านบนร้าน Tsutaya สาขาชิบูย่านั้นเองที่เรามักจะไปกินสตาร์บัคกันแล้วดูวิวคนเดินข้ามถนน คาเฟ่นี้เป็นคาเฟ่หนังสือ หนังสือจะเน้นแบบภาษาอังกฤษมากกว่า และพวกนิตยสารต่างๆ คือนั่งตรงไหนก็ได้ แล้วก็สั่งเครื่องดื่มมาทาน มีคนบริการให้ เป็นร้านที่เท่มากๆ
ชั้นล่างก็เป็น Tsutaya โซนหนังสืออังกฤษและนิตยสาร เป็นคาเฟ่ที่เท่สุดๆ ที่บังเอิญเจอ อยากให้ทุกคนที่มาอ่านแล้วไปดูกันนะ
Prince Hotel Shinjuku
แล้วเราก็มาถึงย่านชินจูกุกันบ้าง ย่านนี้เต็มไปด้วยแหล่งช๊อปปิ้งและอาหาร มาย่านนี้ ย่านเดียวแบบว่าได้ของครบทุกสิ่งแน่ๆ แน่นอนว่าถ้าช๊อปปิ้งแล้วเราคงอยากได้ที่พักแบบสะดวกๆใกล้ย่านนี้ เราขอแนะนำโรงแรม Prince Hotel Shinjuku เลยจริงๆเรียกว่าใกล้ไม่พอ เรียกว่าอยู่ติดที่ช๊อปปิ้งเลยดีกว่า เพราะตัวโรงแรมติดกับห้าง PePe ที่มี MUJI กับ GU อยู่แค่ GU ก็ช๊อปเพลินแล้ววว
แถมติดใต้ดินมากๆแบบว่าก็ใต้ดินโรงแรมนั้นแหละ เดินไปไม่ถึง 5 นาทีเลย หรือจะไปJR ก็แค่ข้ามถนนไปอีกฝั่งสะดวกเว่อร์
นี่คือตรงข้ามโรงแรม เห็นไหมว่าสะดวกแค่ไหน ขาช๊อปห้ามพลาด
มาที่โรงแรม Prince Hotel Shinjuku
จากด้านหน้าทางเข้า
ล๊อบบี้อยู่ชั้นใต้ดิน
ที่พักรอบริเวณล๊อบบี้ เท่ๆ
อีกด้านเป็นคาเฟ่ มีอาหารขายตั้งแต่เช้าถึงดึกเลย
เรามาที่ห้องกันบ้าง เป็นห้องแบบ Single สำหรับคนที่มาคนเดียว โรงแรมในญี่ปุ่นหลายโรงแรมมีห้องคนเดียวอยู่มาก งั้นใครมาคนเดียวก็มานอนพักได้นะ ห้องถือว่าใหญ่กว่าโรงแรมอื่นแล้ว แบบใครชินโรงแรมในโตเกียวจะลูกว่าเล็กมาก แบบพอดีทุกสิ่งอย่าง แต่ห้องของโรงแรม Prince จะใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง มีพื้นที่พอเปิดกระเป๋าและเดินไปมาได้ ฮาๆ
มีมุมโต๊ะทำงาน
มุมทีวี ที่แขวนเสื้อ มีอุปกรณ์ทำความสะอาด จริงเหมาะกับคนญี่ปุ่นที่มาทำงานด้วย พักที่นี้ค่อนข้างสะดวกมาก
ภายในห้องน้ำถือว่าใหญ่แล้วสำหรับในโตเกียว
มีอุปกรณ์อาบน้ำทุกอย่างครบ
มุมชา กาแฟ น้ำร้อนเติมได้จากก๊อกเลย
ดูใกล้สถานี JR ขนาดไหนมองเห็นเส้น Yamanote ผ่านข้างโรงแรมเลย
มาที่ห้องอาหารเช้ากันบ้าง
ไลน์อาหารเช้าถือว่าเยอะและดีมาก มีความหลากหลายสูง แถมอร่อยหลายอย่าง
ไม่ได้โม้จริงๆนะ มุมซุปปกติที่อื่นมีให้เลือกอย่างมาก 2 แต่ที่นี้มา 4 หม้อเลยจัดตามความพอใจ
มุมของหวานก็ดี
ซูมใกล้ๆ
ขนมปังจัดว่าใช้ได้อยู่
มุมอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น แน่นอนมีปลาย่าง
มุมไข่ มีคนทำให้ตลอดเวลา
ไม่รู้อะไรเยอะแยะไปหมด เราก็จัดมาเกือบทุกสิ่งอย่าง ทุกอย่างดี เพลินกับอาหารเช้าสุดๆ
ข้าวหน้าปลาข้าวสารสด เหยาะโชยุหน่อยทานกับไข่นะ ดีมาก เป็นอาหารเช้าที่ดีมากสำหรับโรงแรมในโตเกียว ประทับใจ ปกติแล้วโรงแรมในโตเกียวอาหารจะธรรมดามาก ไม่เหมือนต่างจังหวัดที่อาหารจะเป็นวัตถุดิบท้องถิ่น แต่สำหรับโรงแรม Prince Hotel Shinjuku ทำได้ดีมาก
จบรีวิวสั้นๆอัพเดตคาเฟ่ในเวลา 1 วันที่เรามีกัน ไว้มีโอกาสหน้าจะลองหาที่ใหม่ๆเพิ่มอีก ยังไงก็ถ้ามาโตเกียวแล้วอยากหาโรงแรมที่สะดวกสุดๆ อยู่สบาย พักสบาย แพ็คของช๊อปปิ้งง่าย แนะนำ Prince Hotel Shinjuku เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เราเฟิร์มว่าสะดวกจริงๆ จะหาโรงแรมไหนสะดวกได้มากกว่านี้แล้วในย่านชินจูกุ
สนใจเพิ่มเติมดูได้ที่ http://www.princehotels.com/shinjuku/
ขอขอบคุณ และยังพบรีวิวญี่ปุ่นได้ต่ออีกเรื่อยๆ ในเดือนนี้ แล้วเจอกันใหม่