UNSEEN JAPAN – NIKKO KINUGAWA EP.1

UNSEEN JAPAN – เที่ยวNIKKO KINUGAWA ไปเรียนรู้โลกใหม่ที่ไม่มีรีวิวไหนจัดมาก่อน !!

สวัสดีค่ะ รอบนี้กลับมารีวิวประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นที่แปลกขั้นสุดแน่นอน บอกเลยก็ได้ มา เที่ยว NIKKO กัน

*เราเคยรีวิวอะไรไว้บ้าง ?

นั่งรถไฟญี่ปุ่นเหนือจรดใต้ รวมทั้งหมดที่ http://pantip.com/topic/31015901

 

จากรีวิวญี่ปุ่นคราวที่แล้ว (ที่แสนนาน) มางวดนี้รับรองว่าเราพาไปที่ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

เพราะเราจะพาไปเรียน​+รู้ โซน Nikko + Kinukawa Onsen โดยเฉพาะ

ตั้งแต่ดูทำสาเก กินฟองเต้าหู้ แช่ออนเซ็น ยันทำแป้งโซบะ ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่นี้ด้วยกันค่ะ !

สุดท้าย ขอขอบคุณทาง Tobu สำหรับการเดินทางเปิดโลกครั้งนี้ค่ะ : )

โซนข้อมูลล้วนๆ

– เดินทางไปไหน

เมืองนิกโก้ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลกของญี่ปุ่น ถูกขนานนามว่า Nikko is Nippon มันเด็ดยังไงนะ ?

เมืองคินุกาว่าออนเซ็น เมืองใกล้นิกโก้ที่แค่ชื่อก็บอกแล้วว่า ต้อง มา ออนเซ็น เท่านั้น !!

 

 

 

– ฤดูอะไร

เราไปเดือนมีนาคม หนาวๆ กำลังจะซากุระ หิมะยังไม่หมดตามต่างจังหวัด

คนไทยน้อยเพราะไม่สงกรานต์อีก

 

 

 

– ใช้เวลาเท่าไหร่

ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน เท่านั้น สำหรับเมืองนี้ หรือถ้าติดใจอยู่ต่อก็ไม่ว่ากัน

ถ้าขี้เกียจคิด ทาง Tobu Railway ก็มีโบรชัวร์ วางแผนเที่ยวไว้ให้เรียบร้อย !

 

 

 

– เหมาะกับใคร

พนักงานเงินเดือน > มีเวลาวันลาน้อย แต่อยากสัมผัสญี่ปุ๊นญี่ปุ่น

ครอบครัว พ่อแม่ลูก > กิจกรรมร่วมกันเยอะมาก

เพื่อน > ไปแอดเวนเจอร์บุกตะลุย ขึ้นเขาลงห้วยก็ยังได้

คนรวยมาก คู่รักมาเดท > ก็มีภัตตาคารหรูๆ ที่พักดีๆ ชีวิตสวยงามมาก เหมาะสุดฮันนีมูน

ออฟฟิศเอ้าท์ติ้ง > คือดีงาม จะไม่ดีก็ตรงต้องแก้ผ้าออนเซ็นใส่กันนี่แหละ !

 

– ไปยังไง

พวกเรานั่งรถไฟยี่ห้อ Tobu ไป สามารถไปจากโตเกียวได้เลย เพียง 100 นาที เดินทางง่าย

เขามีแผนการเดินทางมาให้หมด ถ้าอยากชิวมากขึ้น พอถึงนิกโก้ เช่ารถขับ ยิ่งสบายใจ : )

 

 

 

– มีอะไร

โอ้โหหหห ถามทำไมคะ คำถามนี้ มีทุกสิ่ง อย่างแรก ไม่ร้อน หนาวมาก หิมะมาก ทุ่งเหมือนทไวไลท์

อาหารการกินจากธรรมชาติล้วนๆ พร้อมกิจกรรมนานาเด็กๆ เพลิดเพลิน (ขนาดฉันแก่ขนาดนี้ยังเพลินใจ)

สุดท้ายตบด้วยชีวิตสโลว์ๆ สไตล์ญี่ปุ่น เข้าวัด อยู่ป่า ออนเซ็น โอ๊ยยย ดีไปหมดดดดด

 

รู้ข้อเท็จจริงๆ คร่าวๆ กันเลย งั้นเราไป เที่ยวNIKKO เดินทางไปด้วยกันต่อค่ะ !!

 

 

 

มีนาคม 2558

เราได้รับการติดต่อจากทาง การรถไฟ Tobu Railway เพื่อไปยังญี่ปุ่น

ดูเผินๆ เหมือนรีวิวนี้จะขายของนะคะ ของเด็ดจริงไม่จริง อ่านกันก่อน

แล้วเราเชื่อว่า เฮ้ย มันไม่ขายของธรรมดาว่ะ มันมีของ มันต้องไป !

 

ดังนั้น นั่งเครื่องต่อเดียว ยาวไปถึงโตเกียวกันเลย

เรื่องรีวิวสายการบิน รถไฟเข้าเมืองยังไง ไม่ต้องอธิบายกันแล้ว

มีรีวิวเป็นล้าน คนไทยจะเกินครึ่งประเทศเค้าแล้วมั้ง วีซ่าก็ไม่ต้องทำ

ดังนั้น สบายไปง่ายดายค่ะ ถึงโตเกียวละ

 

 

 

จุดหมายคราวนี้ ใครอยากแวะโตเกียวก็ตามสบาย จะเดินเล่นในเมืองก่อนก็ได้

แต่เรามุ่งหน้าตรง ขึ้นรถไฟของ Tobu มุ่งหน้าสู่เมือง Nikko กันเลย

สถานีรถไฟ Tobu Asakusa อยู่ย่านอาซาคุสะนี่แหละ เดินได้จากวัดเซ็นโซจิ หรือนั่งรถไฟมาก็ได้ค่ะ

 

 

 

 

ยามเช้าหน้าสถานี ฝนโปรยเล็กน้อยๆ สถานีดูคลาสสิคดี แค่ถ่ายรูปก็ฟินใจละ

 

 

สถานี Tobu-Asakusa เดินทางมาสะดวก เพราะเชื่อมกับรถไฟใต้ดินหมด

 

 

 

 

ได้เวลาขึ้นรถไฟ รอบนี้เรานั่งรถด่วน Spacia ไป

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟขบวนนี้ที่ http://www.tobu.co.jp/foreign/spacia/index.html

หรือแผนการเดินทางตาม 2 days Pass ได้ที่ http://www.tobu.co.jp/foreign/pass/2day_nikko_pass.html

ถ้าซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไป Nikko ก็ 1360 เยนค่ะ ซื้อเป็น pass คุ้มกว่านะ 2600 เยน

 

 

 

 

รถไฟรอบนี้เราไปอย่างไฮโซค่ะ ได้นั่งตู้ First Class

งี้แหละ พอดีแบ็คแพ็คคือชีวิตอยากลอง อันนี้ชีวิตจริง

#ถุย จริงๆ เค้าให้ลองนั่งเฉยๆ สุดท้ายกลับไปนั่งเบาะปกติ

* ตู้ที่เขียนว่า Compartment คือระดับไฮโซนะ ชอบกราฟิกเค้าจัง

 

 

ลองนั่งกับบรรดาพี่น้องก็ได้เวลาซื้อข้าวกล่องบนรถไฟนิดหน่อย

ถ้าเป็นติ่งทีวีแชมเปี้ยนหรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็ย่อมทราบถึงความโอตาคุของประเทศนี้

เปิดตัวด้วยนี่ กล่องข้าวโตเกียวสกายทรี !!!

 

 

เส้นทางรถไฟสายนี้ที่เรานั่งอยู่เนี่ยะ เขาโปรโมทเส้นทางสกายทรีมาก

จากสกายทรี คุณสามารถไปถึงนิกโก้ได้สบายยย มาดูข้างในข้าวกล่องกันต่อ

โม้เยอะไปหน่อย

 

 

ความทีวีแชมเปี้ยนยังไม่จบ แน่นอนมันต้องมีข้าวกล่องของดีประจำท้องถิ่น

นิกโก้ขึ้นชื่อเรื่อง การจับปลาเทราต์ มากกกกส์ ดังนั้นเจอนี่จ้า ซูชิปลาเทราต์ ที่จับจากแหล่งจริง

เนื้อดี แซลมอนแพ้นิดหน่อยนะเนี่ย

 

 

กินจบก็ได้เวลากลับสู่บ้านเกิด เบาะ First Class ว่าไฮโซแล้ว

รถขบวนนี้เบาะปกติก็ไม่ธรรมดานะคะ นั่งสบายมาก แถมมีที่ให้พิงหัวด้วย ดีงัม~

 

 

 

เขาบอกกันว่า ถ้ามาจากโตเกียว สนใจจะไปนิกโก้

ทางที่ดีและสะดวกที่สุดคือ ไปกับ Tobu พูดง่ายๆ คือ สถานีที่ไปถึง Nikko มี 2 ยี่ห้อ

Tobu และ JR แต่ Tobu ง่ายตรงต่อเดียวถึง JR อาจจะต้องเปลี่ยนสายไปมากันหน่อย

 

 

 

ในที่สุด เราก็มาถึงนิกโก้ อย่างสบายเหลือเกิน อิอิ

ถ่ายกับหน้าสถานีนิดหน่อย มีหลายเวอร์ชันเลย

 

 

 

จากนี้เราจะเดินทางด้วยการเช่ารถนะคะ สามารถขับตาม GPS ได้เลย (ทุกรถเช่ามีติด GPS หมดนะคะ)

ระหว่างรอรถเช่า จากสถานีรถไฟ Tobu ของดีคือ ซาลาเปาฟองเต้าหู้ มีทั้งนึ่งและทอด

ของดังที่นี่ ใครมาใครไป ต้องมาร้านนี้ คราวที่แล้วเคยลองแล้ว ลิ้นไม่จำ ลองใหม่ ฮี่

จุดหมายแรกที่เราจะไปก็คือ โรงบ่มสาเก

ยอมรับเลย รู้ว่าสาเกคือเหล้า จบ. นอกนั้นไม่มีข้อมูลอะไรในสมองเลย

เดี๋ยวเรามาดูกันว่าสาระมันหนักแค่ไหน !

คุณป้าเจ้าของโรงสาเก แนะนำให้พวกเราพาชมโรงบ่มสาเกได้

ตอนนี้ลูกชายป้าแกไม่อยู่ ป้าแกก็พาไปเอง ป้าก็เล่ากรรมวิธีทำสาเกให้ฟัง

พร้อมสุดท้ายจบด้วยชิมสาเก โชคดีที่เรามีล่ามแปลภาษาไป – ชื่อพี่หนิง : )

สาระเลยได้มาเต็มๆ

บ้านและร้านของป้า ถือเป็นโรงบ่มสาเกยุคแรกๆเลย

ถึงสมัยนี้จะทำด้วยโรงงานกันหมดแล้ว แต่ป้าก็ยังคงทำแฮนเมดสไตล์อยู่ ญี่ปุ่นมาก ชื่นชม

 

ป้าพาเดินดูโรงบ่ม เพราะเล่ากรรมวิธีทำสาเกไปด้วย

แรกสุดเลย สาเกทำมาจากข้าว !

สเต็ปการทำสาเก ละเอียดอ่อนมาก อ่านแล้วเข้าใจแน่นอน

 

 

01

สาเกประกอบด้วย ข้าว และ น้ำ – ใน 1 ปี สามารถทำสาเกได้ 1 ครั้ง

คนทำสาเกจะคัดข้าวพันธุ์ดี แล้วแต่ว่าจะได้จากจังหวัดไหน อย่างที่นี่ได้จาก จ.นีงาตะ (แถบโทโฮคุ เหนือๆหน่อย)

และน้ำพันธุ์ดีจากจังหวัดต่างๆ มาเพื่อมาบ่มผสมรวมกัน

– ข้าว ก็ต้องเอามาคัด เลือกส่วนที่หนาๆ ตรงกลาง เพราะมีน้ำตาลสูง บ่มแล้วจะได้รสเยอะ

 

 

02

นึ่งข้าว เอาข้าวเละๆ ที่ได้มาผสมกับน้ำดีๆ ที่เตรียมไว้

ถ้าเคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือ ดูทีวีแชมเปี้ยน จะรู้ว่าญี่ปุ่นใส่ใจกับวัตถุดิบมาก น้ำดีข้าวดีจังหวะก็ต้องดีด้วย

ข้าวแต่ละฤดูกาล น้ำที่ทิ้งไว้นาน เวลาบ่มช้าเร็ว อุณหภูมิ ก็ทำให้รสชาติเปลี่ยนไปทันที ละเอียดมาก

 

03

เอาข้าวเละผสมน้ำมาใส่ยีสต์ สูตรลับเฉพาะ จากนั้นก็ทำการคนผสมให้เข้ากัน

ใช้เวลาคนท้ังหมด 40 วัน จะได้ออกมา 4000 ลิตร คนไปก็ต้องรักษาอุณหภูมิไปด้วย ทั้งมือทั้งอากาศข้างนอก

** แถมที่นี่เคร่งมากก ถึงขนาดถ้าจะคนข้าว ห้ามปลอกส้ม เพราะจะทำให้มือมีฤทธิ์เป็นกรด รสชาติจะเปลี่ยน

ห้ามกินนัตโตะเพราะเดี๋ยวกลัวยีสต์ตีกัน คิดได้ไง !! บอกแล้วว่าที่นี่ทำด้วยมือล้วนๆ

 

 

04

พอคนเสร็จ 40 วัน เราก็เอาข้าวเละๆ อันนั้นมาใส่ถุง ใส่เครื่องกด

อารมณ์เหมือนบีบน้ำออกมา บีบด้วยจังหวะเท่าๆกัน เพราะการบีบก็เปลี่ยนรสชาติได้

ได้มาแล้ว นั่นแหละคือสาเกแบบ Draft

 

 

05

กากที่ถูกบีบจนหมดก็เอามาขายได้อีกนะ มีเห็นขายอยู่

ส่วนน้ำที่ได้ก็เอามากรองความละเอียดสูง 9 ไมครอน ไ่ม่รู้ จากนั้นก็ใส่ขวดโลด

 

 

สาเกเห็นทำแบบนี้ก็มีหลายเกรด หลายชนิด บางขวดแค่เก็บทิ้งไว้ รสชาติก็เปลี่ยน

ขวดที่ทำมาใหม่ๆ รสชาติก็เปลี่ยนไป อยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหน แต่เราก็ลองหมด อิอิ

 

 

สาเกเกรดสูง เรียกไดคินโจ เราก็ชิม ! สาเกเพิ่งออกมาใหม่ 1 อาทิตย์เราก็ชิม

เราชอบรสใหม่นะ มันเปรี้ยวๆ ดี ปกติกินเหล้าหน้าแดง แต่สาเกไม่แดง สงสัยถูกกะสาเก ฮ่าฮ่า

 

 

แค่สาระสาเกก็เยอะมากมาย ยิ่งเห็นคุณป้าทำด้วยความตั้งใจ แต่ละสิ่งไม่ได้มาได้โดยง่าย

เรามักแพ้ต่อมนุษย์ที่มีความตั้งใจ ความอินกับอะไรบางอย่างที่ตนเองชอบ มันเป็นภาพที่ดีมาก

ใครสนใจมาหาสาเกของป้า เข้าไปที่เพจ https://www.facebook.com/nikkosake?fref=pb&hc_location=profile_browserโลด ค่ะ

ถ้ามานิกโก้ ที่นี่แนะนำเลย : )

 

 

 

ได้เวลาอาหารเที่ยง ของดีที่ Nikko คือ Yuba หรือ ฟองเต้าหู้ มีให้พบเห็นทั่วไป

ตั้งแต่ของกินยันไอติมรสยูบะ ข้าวเที่ยงของเราคือ โซบะฟองเต้าหู้ T-T คือ ดีงามมากกกก

ฟองเต้าหู้อร่อยมาก สาระต่อมาคือ เพิ่งรู้ว่า โซบะ ทำมาจากต้นโซบะที่ออกเม็ดโซบะออกมา

 

ชามอื่นๆบ้าง มีความสุขกับการกินมาก ดีที่สุด

ไอติมโซบะ

ต่อด้วยของหวาน ดังโงะ 300 ปี คือร้านนี้เปิดมา 300 ปีแล้ว

รสชาติจะออกเป็นน้ำตาลไหม้ๆ หน่อย พร้อมชาเขียว กินแล้วสัมผัสความญี่ปุ่นเจรงๆ

เพิ่งเคยกินครั้งแรก เห็นแต่ในการ์ตูน แปลกดีนะ

กินจนอ้วน ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ

ความเดิมคือ เราเคยมานิกโก้แล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปถึงด้านในของนิกโก้ โซนที่เป็นทะเลสาบ น้ำตก

เพราะตอนนั้นมา 1 วัน แค่มาโซนมรดกโลก + วัด กับเดินเล่นในเมืองก็หมดวันแล้ว

แต่รอบนี้ เราได้มาทะเลสาบสมใจแล้วค่ะ !!

น้ำตกเคงอน – Kegon Falls เป็นน้ำตกดังสุดในนิกโก้ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น

ทรงของน้ำตกก็ออกแนว ผอมสูงหุ่นดี แต่ที่ชอบคือน้ำตกนี้ไม่ต้องเดินให้เมื่อย มีลิฟท์ลงไปให้เลย

(แต่เสียเงินนะคะ นิดหน่อย)

 

มาเห็นน้ำตกในฤดูหนาว ได้อารมณ์อีกแบบ

เชิญพบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

 

 

จบจากน้ำตก เราก็รู้สึกได้ว่า มานิกโก้หน้าหนาวตอนนี้มันสวยไปอีกแบบ

คนน้อยด้วยเพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบเพราะค่อนข้างเงียบ แต่เราว่ามันสงบดี

รู้สึกได้ว่า โลกกำลังตั้งใจฟังเราและเรากำลังทำความรู้จักกับโลกอย่างใกล้ชิดอยู่

 

 

 

 

ถัดมาจากน้ำตก พีคสุด พีคสุด นึกว่าอยู่สวิสในราคา 20000 บาท !!

ทะเลสาบซูเซนจิค่ะ หน้าหนาวไร้คน แต่สวยโค่ดดดดดดดดดดดดดดด

ภาพตรงหน้า รีทัชรึเปล่า

เห็นภูมิประเทศมาหลากหลายแบบ เมือง ภูเขาหิมะ ภูเขาไฟ ทุ่งหญ้าเรียบ

ตอนนี้เป็นอีกหนึ่งภูมิประเทศที่น่าจดจำ ทะเลสาบกับภูเขาหิมะ

สวยขนาดนี้ ข้องใจอยู่ว่าทำไมไม่มีใครมา ?

เราขับรถไปต่อกันเรื่อยๆ (มีทางพี่ๆทีมงานช่วยขับให้นะ)

วันนี้เป้าหมายคือ ที่พักใจกลางหุบเขาหิมะพร้อมออนเซ็น แต่ระหว่างทาง วิวสวยจนต้องจอดแวะ

ตรงนี้คือทุ่งเซ็นโจงะฮาระ ซึ่งถ้าหน้าร้อน ทุ่งนี้จะเปิดให้คนเดินชม

เราเห็นรูปก็สวยนะ แต่วิวหน้าหนาวตรงหน้าตอนนี้แบบ พระเจ้าช่างสรรค์สร้างหนออออ

ไม่ต้องไปไกลถึงไอซ์แลนด์ เจอแล้วแลนสเคปแบบนี้ !

อยากแตะหิมะมานาน สุดท้ายนอนลงไปทั้งตัวเลย

 

วิวเท่านี้ มากันครี่งรีวิว บอกได้รึยังคะ ว่าของเค้าดีจริง แล้วจะไม่ให้ขายได้ยังไง !!

 

 

เราเข้าสู่ที่พัก Nikko Astraea Hotel ที่นี่ถือเป็นแหล่งออนเซ็นติดอันดับของญี่ปุ่น

และเป็นโรงแรมเดียวในหุบเขานี้ โห ชีวิตคือการ์ตูนมาก

ทำให้นึกถึงเวลาพวกตัวการ์ตูนไปเที่ยวอะไรแบบนี้เลย

 

 

 

 

ล็อบบี้ ส่วนกลาง

 

เขาให้แนะนำที่พัก เราก็จัดไป ชมห้องกันหน่อย

ที่พักแบบนี้เรียกว่า เรียวกัง คือมีออนเซ็น ชุดญี่ปุ่น อาหารเย็นและเช้าให้

ส่วนห้องนอนเราก็เลือกได้ว่าจะนอนแบบห้องฟูกๆ แบบญี่ปุ่น หรือเตียงแบบปกติ

แต่ทีเด็ดคือ ออนเซ็นน้ำแร่จากธรรมชาติติดอันดับประเทศนี้แหละ

 

 

ดูหน้าตาห้องกันนิดนึง

จบด้วยออนเซ็น เดี๋ยวมาแช่กัน : )

ที่นี่ออนเซ็นเปิดทั้งคืนนะคะ จนถึง 9 โมงเช้า – แช่เสร็จ ดื่มน้ำชาอร่อยมากกกกก

ขายออนเซ็นกันหน่อย ความพิเศษคือ แต่ละวันน้ำที่มาจากภูเขาจะสีไม่เหมือนกัน

แล้วแต่อุณหภูมิ ปริมาณแร่ธาตุ แต่รับรองว่าดีหมด สรรพคุณแก้ปวดเมื่อย เลือดไหลเวียนดี

ชีวิตเริ่มแก่แล้ว ร่างกายต้องการการพักผ่อนมากมายย

เหมือนพวกเราอยู่กลางหุบเขาหิมะ ถ้าจะมาพักที่นี่ก็มีรถบัสมาถึง แต่นานหน่อย

ดังนั้นแนะนำขับรถมาดีกว่าค่ะ พักผ่อนนิดหน่อย ได้เวลากินข้าวเย็น

หน้าตาอาหารเย็น แหมดีจริงๆ จัดเต็มซะขนาดนี้

ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ เย้เย้

ซูมทุกจาน พีคสุดคือเนื้อย่าง ซาชิมิ ดีงามอารามคือวัดเรนโนจิจริงๆ

จบด้วยเมลอนหวานฉ่ำ อาห์ มีความสุขมาก

 

 

 

จากนั้นก็แยกย้ายกันนอน ใครจะไปออนเซ็นก็ไป บ่อแยกชายหญิง

สบายตัวมาก แช่เสร็จไม่หนาวเลย

[เราได้ไปลองมาด้วยตอนดึกๆ ชอบที่มันกลางหิมะนี่แหละ

 

มีทั้งบ่อกลางแจ้งกับในร่ม งานนี้ลองหมด ประสบการณ์ใหม่ออนเซ็นกลางป่า]

*บรรยากาศยามเช้าหน้าโรงแรม

ถ้าใครมานิกโก้แล้วเข้ามาถึงโซนนี้ ที่นี่แนะนำมากค่ะ (เพราะมีอยู่ที่เดียว 55)

รู้สึกได้ว่า เฮ้ย กรูมาถึงญี่ปุ่นแล้วเจรงงงงงๆๆๆ ฟินใจมาก

ช่วงสุดท้ายของตอนพบกับ !!

ฝากประกาศจากทางโทบุจ้า

เนื่องในโอกาสครบ 400 ปี แห่งการเสียชีวิตของ โทคุกาวะ อิเอะยะสึ ในปีนี้
ที่ศาลเจ้านิกโกโทชูจะมีการจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ทางการรถไฟโทบุจึงอยากจะเชิญชวนให้ไปเที่ยวที่นิกโก
และพิเศษสำหรับคนที่ซื้อ Tobu Railway pass สามารถไปแลกรับของที่ระลึกฟรีอันประกอบไปด้วย โอริกามิ สมุดโน๊ต สติ๊กเกอร์
เพียงแค่เอา Tobu Railway pass ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูพร้อมกับบอกว่าอ่านรีวิวมาจากทาง Go! Graph ก็ได้รับของที่ระลึกไปเลย

ตั้งแต่ 13 เมษา สงกรานต์เป็นต้นไปนะคะ : )

แลกของที่ระลึกได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมคะ
สำหรับสถานที่แลกรับของที่ระลึกมี 2 ที่นะคะ
☆ TOBU SIGHTSEEING SERVICE CENTER ( in Tobu Railway Asakusa Station )
☆ TOBU GROUP TOURIST PLAZA

สถานที่แลกของที่ระลึก : http://www.tobu.co.jp/foreign/contact.html
สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก : http://www.nikko-japan.org/
งานเทศกาลของศาลเจ้านิกโกโทชู : http://www.toshogu.jp/english/

unnamed

พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ เรายังคงอยู่ที่นิกโก้ จะพาไปชมวัดและเรียนทำโซบะ

พร้อมมุ่งหน้าสู่ Kinugawa Onsen กันต่อ พบกันค่ะ !!

 

 

 

 

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES