Train to Tibet : EP14 Potala Palace

3 กันยายน 2554 (เสาร์) –  พระราชวัง โปตาลา

วันเวลาที่นี่ดูไม่มีความหมายสำหรับเรา ไม่ได้สนใจเลยว่าวันนี้เสาร์อาทิตย์หรือวันธรรมดา บางทีนี่อาจจะเป็นข้อดีการออกเดินทาง ทุกอย่างรอบตัวหมุนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมาแคร์ว่าวันนี้วันศุกร์แล้วนะน่าดีใจรึเปล่า ช่วงบ่ายสองของวันนี้ ไกด์พาเรามาที่ พระราชวัง โปตาลา ตามที่จองเอาไว้เมื่อวานเพื่อเข้าไปกัน

พระราชวัง โปตาลา

ถ่ายคู่กับเค้าซักหน่อย อวดว่ามาถึงแล้ว ค่าเข้าคนละ 100 หยวน (ประมาณ 500 บาท)

ตั๋วเป็นโปสการ์ดได้ด้วยนะแต่ไม่ได้เอาไปส่ง ฮ่า

Potala Palace

ตามหลักปกติที่เราวาดภาพไว้ก่อนมาคือ คิดว่าพระราชวัง โปตาลา จะตั้งอยู่กลางเมือง

แบบเราอยู่ที่ไหนก็เห็น พระราชวัง โปตาลา ได้ แต่เอาเข้าจริง ก็เห็นง่าย แต่ก็ไม่ได้เห็นตลอดเวลาขนาดนั้น

แถมตอนหาข้อมูลทำไมไม่เคยมีคนเข้าไปถ่ายข้างในเลย วันนี้แหละ เราจะได้รู้กัน ว่าทำไม !

พอเราเดินเข้ามาหน่อยก็จะเป็นทางเข้าไปสู่ซื้อตั๋ว ก็เดินไปเรื่อยๆเลย

พระราชวัง โปตาลา

เราเข้าไปแบบไม่รู้อะไรเลย หนังสือประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้อ่าน ฟังไกด์พูดก็เดาได้ว่า

ข้างในมีพระเยอะๆ มีสถูป มีรูปปั้น มีคัมภีร์ ตอนนั้นรู้แค่นั้นแต่ก็ยังนึกภาพไม่ออก

พอเราซื้อตั๋ว สแกนกระเป๋าเสร็จ เดินไปเรื่อยๆก็จะถึงทางขึ้นพระราชวังไป

พระราชวัง โปตาลา

พระราชวัง โปตาลา แบ่งเป็น 3 สี โซนสีแดงคือ ข้างในเป็นที่เก็บพระ สถูป รูปปั้น คัมภีร์ คือ

โซนนั้นเข้าไปแล้วห้ามถ่ายรูปจ้ะ บอกไว้ก่อน โซนสีเหลืองเป็นโซนเชื่อมต่อ

โซนสีขาวก็คือสำหรับ รัฐบาล ราชการ และทางเดินให้เรา ประมาณนี้

เดินขึ้นไปก็จะเป็นบันไดให้เราขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ ทางด้านซ้าย ค่อยๆเดิน

ไม่งั้นเพื่อนบอกหนักกว่าขึ้นดอยอินทนนท์อีก เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกกันอีก

Potala Palace

เดินไปเรื่อยๆ วิวสวยแค่ไหนทุกคนก็ถ่ายกันไป แดดร้อนเหมือนเดิม ดำไม่รู้ตัว !!!

Potala Palace

เราก็เดินไปเรื่อยๆ ชิวๆ ไม่ถึงกับไกลมากนัก

พระราชวัง โปตาลา

พอเดินสุด ก็จะเจอทางเข้าไปอีกเรื่อยๆ

Potala Palace

ออกมาก็เป็นเหมือนจุดพักให้นักท่องเที่ยวพัก ชาวจีนก็นั่งก็เรื่อยๆเหมือนรออะไร

ดูจิตรกรรมฝาผนังกันไป เรื่อยๆ

เดินต่อมาก็เป็นห้อง เราชอบกราฟิกทิเบตนะ ดูน้อย เรียบง่าย

สีสดๆ เค้าเพิ่งทาสีใหม่เลย สีมันสดจริงๆ

เดินต่อมาก็ใกล้ถึงโซนสีแดงละ เร็วแบบไม่รู้ตัว โซนนี้ก็เหมือนด่านเมื่อกี้ มีไว้สวยๆพักผ่อนของนักท่องเที่ยว

พระราชวัง โปตาลา

ให้ความรู้สึกเหมือนพูดซ้ำหลายรอบเลย ในที่สุดเราก็จะเข้าโซนสีแดงละ

โซนนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่ที่สำคัญเค้าห้ามถ่ายรูป

แนะนำว่าใครมาที่นี่ไม่ควรทำตัวแบบเรามากๆ คือไม่ศึกษาข้อมูลก่อนไป ฮ่าฮ่า เพื่อความอิน

ลองเซิสหาซักนิดก็จะพอรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ห้องไหนเจ๋งๆจะได้ไม่พลาด

เพราะไกด์ก็จะพูดคำศัพท์ด้านศาสนามากๆ (ยิ่งฟังกันไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่)

จึงแนะนำว่า ควรอ่านกันมาก่อนนะจ้ะ เป็นดี

พอเราเข้าไปข้างในปุ๊ปเที่ยวกันแบบงงๆดูแล้วแบบไม่อิน จนสุดท้ายกลับมาเซิสเนตร้านกาแฟก็พบว่า

มันมีหลายห้องน่าสนใจ มีประวัติศาสตร์ มีลายนิ้วมือองค์ดาไลลามะ นู่นนี่นั่นเยอะแยะ สรุปเราได้เข้าเหมือนกัน

แต่พลาดหมด จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย ฮ่าฮ่า ในรูปคือ

ทุกคนขึ้นบันไดนี้ไปแล้วก็เข้าสู่โซนห้ามถ่าย

พระราชวัง โปตาลา

ขอเล่าประวัติย่อๆของที่นี่ให้ฟัง ถ้าผิดพลาดยังไงช่วยกันแก้ไขได้ จากการอ่านหนังสือไกด์บุคทิเบต

(ที่พกติดตัวมาแต่ไม่อ่านกันเลย เพิ่งมาอ่านตอนนั่งรถไฟไปเซี่ยงไฮ้ เยี่ยม!) พระราชวังโปตาลา

สร้างมานานละ ตอนแรกไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ จนถึงสมัยองค์ดาไลลามะที่ 5 เป็นคนสร้างให้เว่อร์ๆขนาดนี้

เพื่อเป็นพระราชวังฤดูหนาวของเขา หลังจากนั้นองค์ดาไลลามะอื่นๆก็ใช้ต่อเรื่อยๆมา

โอเค คร่าวๆมาก จบแค่นี้ เล่าย่อมาก

โซนแดงข้างใน จะเป็นทางเดินแคบๆ ที่ต้องให้ไกด์นำทาง มีป้ายภาษาอังกฤษบอกอยู่

แต่มันอ่านยากจริงเหมือนเป็นอังกฤษเวอร์ชั่นภาษาบาลี ประมาณนั้น ข้างในก็เหมือนที่ไกด์บอก

มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ คือเค้านับถือพุทธเหมือนเราแต่คนละนิกาย พระส่วนใหญ่ในนั้นจะเป็นพระที่เอา

มาจากปากีสถาน อินเดีย เนปาล มองโกเลีย จีน พระก็จะหน้าออกไปทางแขกๆ ตาโตๆ ไม่เหมือนพระบ้านเรานัก

และพระจีนอีก เหมือนประมาณว่าสมัยนั้น ส่งลูกสาวมาแต่งงานก็มีของบรรณาการกันคือพระ

พระราชวัง โปตาลา

ถ้าจะอ่านประวัติศาสตร์จริง ต้องไปวัดโจคัง ควบคู่ด้วย พรุ่งนี้เราจะไปวัดโจคังกัน

แต่ตอนที่เราเข้าไปนี่ เราไม่อินจริงๆ ไร้ความรู้ในประวัติศาสตร์ สมองกลวงมาก

แต่ข้างในสิ่งที่ชอบคือ มีบาตร (ตามที่บอกในวิดีโอ) คือ เค้าจะใส่น้ำในบาตร เพราะทุกคนไม่ได้มีเงินกันทุกคน

แต่ทุกคนมีน้ำได้ เหมือนกับเราสามารถแต่ใส่น้ำแทนอาหารหรือเงินแทน พอฟังจากไกด์แล้วเค้าดีเนอะ

สามารถอ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่ http://www.oceansmile.com/China/tibetpotala.htm

หรือเวบทั่วไปเซิสประวัติเอา ไม่ได้โฆษณานะ

เพราะตอนอยู่ทิเบตก็อ่านจากเวบนี้เอา ฮ่าฮ่า มันมาเวบแรกๆ

มีสาระมากไปแล้ว เราดูข้างในเสร็จก็เดินออกมาด้านหลัง จะเห็นเมืองด้านหลัง

เราก็บอกไกด์ว่าอยากไป อยากไป ไกด์ก็โอเคตามใจเรา แล้วพบกันพรุ่งนี้ เฮ้ย ! ไกด์ไปจริงดิ

เป็นไกด์ทิเบตนี่ก็สบายนะเนี่ย ปล่อยทิ้งเราครึ่งวันทุกวันเลย นี่นับชั่วโมงการทำงานกันจริงๆ

ตอนแรกเราก็คิดว่าหรือเพราะเราจ้างมาถูกสุด ? แต่สุดท้ายเราไปเจอเพื่อนคณะอื่น

ก็ถูกทิ้งไว้เหมือนกัน ขอบใจ ฮ่าฮ่า

Potala Palace

ทางเดินด้านหลังของ พระราชวัง โปตาลา

Potala Palace

เมืองด้านหลัง น่าอยู่นะเนี่ย มีภูเขาเป็นฉากหลังอีก เราแอบได้ยินมีเสียงตุ้งแช่ ข้างล่าง ไปดูงิ้วที่ทิเบตหรอเนี่ย

พระราชวัง โปตาลา

เส้นทางลงจากพระราชวังด้านหลังดูรกร้างมาก มีต้นไม้ขึ้นด้วย

พอเดินลงมาเพิ่งรู้ว่า ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกด้วยนะจ้ะ

ลงมาข้างล่างละ ไกด์ก็ทิ้งเราไปแล้ว เราก็เดินกันเองอย่างกะเป็นคนทิเบตมาเที่ยวเล่นในเมืองหลวง

สวนสาธารณะด้านหลัง มีการแสดงจริงๆ เจอทิเบตมุง

เพื่อนไปดูให้บอกเป็นเล่นตลก คนก็มุงกันเยอะจริง เตี้ยๆอย่างเราคงเห็นหรอก

สวนสาธารณะก็หญ้าเขียว แต่ขยะก็เยอะเช่นกัน ไม่ต่างจากบ้านเรา ฮ่าฮ่า

พระราชวัง โปตาลา

รอบๆสวนสาธารณะ ที่มีแสดงโชว์ที่เล่าให้ฟัง คนเยอะดี คึกคัก คึกคัก

เจอคนนั่งกับพิ้นตรงนั้น แม่ให้นมลูกบวกเล่นไพ่กับป้าข้างๆ ทุกคนดูชิวมาก

ทุกที่เป็นที่นอนได้เสมอ เดินเล่นแถวนั้นเสร็จก็หิวข้าว ทำไงต่อไปดี ไกด์ทิ้งเราแล้ววว

เดินเลียบข้างๆด้านขวา พระราชวัง โปตาลา ไป ก็มีวงล้อให้หมุนไปเรื่อยๆ อันใหญ่อันเล็ก

เหมือนบ้านเราเด๊ะแค่ไม่เป็น ระฆัง ดูเป็นกิจกรรมยามว่างของเราดี สนุกระดับหนึ่ง ฮ่าฮ่า

ด้านข้าง พระราชวัง โปตาลา เป็นชุมชน มีขายรองเท้ายาง อะไหล่ ไม่มีของกิน หิวข้าวแล้ว…

ด้านหน้าตอนนี้มีเสาจีนมาตั้งอยู่ คนทิเบตเดินเป็นปกติ

เค้าคงเห็นทุกวันเหมือนที่เราเห็นอนุสาวรีย์ทุกวัน

Potala Palace

เราตัดสินใจเดินไปทางด้านขวาจาก พระราชวัง โปตาลา เป็นโซนเมืองและวัดโจคัง

เราถูกมอบหมายภารกิจหนึ่งสำคัญมากจากเพื่อนๆคือ ส่งโปสการ์ด พ่อเจ้า ใครจะบ้าส่ง 20 ใบ

คือเพื่อนเห็นเราเป็นตัวส่งไปรษณีย์หรือยังไง เห็นไปทิเบต อยากได้กันทุกคนนนนน รักทุกคนนนนน

เราก็มาส่งโปสการ์ดที่ปั่นเขียนเมื่อเช้าที่โรงแรม (ในตอนที่แล้ว) มาให้เพื่อนๆ

ค่าแสตมป์ส่งกลับไทย 4.5 หยวน ตลอดทั่วประเทศจีน หนานหนิงยันทิเบต !

ส่งเสร็จ กลับสู่หิวข้าว สุดท้ายตัดสินใจกันอาหารดั้งเดิมทิเบตมากๆ

เห็นทุกที่ตั้งแต่จีนแล้ว คือ DISCO’s ฟาสต์ฟู้ดจีนจ้า.. ทิเบตมากๆ

เวลาว่างที่เหลือคือเดินเล่นในเมือง อัพเดทเมืองลาซา เจริญนะจ้ะ

สองข้างทางมีร้านค้าเต็มไปหมด ขายเสื้อผ้า เสื้อกันหนาว รองเท้า ฯลฯ

ห้างก็มี ขายไอติม โยเกิร์ต ของที่ระลึก อารมณ์เหมือนเดิมพลาตินั่มมาก

พระราชวัง โปตาลา

คือตั้งแต่ออกจากไทย เราบ้าเที่ยวมันทุกวัน เดินทุกวัน แต่พอมาอยู่ทิเบตเรามีเวลาเยอะเกินไป

วันๆไม่ทำอะไร เดินเล่น เข้าร้านกาแฟเล่นเน็ต (ดูไม่คุ้มมั๊ยอุตส่าห์มาถึงทิเบตมานั่งเล่นเนตในร้านกาแฟ)

เหมือนรอคอยเวลามืด แล้วก็มาดูว่าไกด์จะพาไปไหนต่อพรุ่งนี้ ช่างเป็นการเที่ยวแบบสบายเกินไปจริงๆ

แถมลาซากว่าจะมืดก็สามทุ่ม .. ขอบใจ เล่นเน็ตรอเวลามากๆ

วันนี้เราก็มาตายรังที่เดิม summit cafe เล่นเน็ตอีกครั้ง..ขอบใจ

ข้างในก็มีเค้กเหมือนเดิม ก็สั่งแบบเมื่อวานเพราะถูกสุด ทุกอย่างเหมือนเดิม

อีกสิ่งที่เหมือนเดิมแต่เราดีใจคือ เราเจอปีเตอร์ (ปีเตอร์คือคนที่นั่งรถไฟตู้เดียวกับเรา ที่นอนตรงข้ามกัน)

ปีเตอร์ก็มาคาเฟ่นี้ทุกวัน เราเจอปีเตอร์ครั้งที่ 3 ละ เจอกันบ่อยขนาดนี้ ต้องถ่ายรูปคู่ซักหน่อย

เพื่อนเราคิดว่านี่แหละคือเนื้อคู่ เจอกันบ่อยเกิน (หรือทั้งเมืองมันมีแค่นี้เนี่ย)

ขอเล่าชีวิตปีเตอร์หน่อย ปีเตอร์มาเที่ยวคนเดียวกับกรุ๊ปทัวร์

จากเดิมที่เรารู้ว่าเค้าเป็นคนสวิสทำงานบริษัทการสื่อสารแห่งหนึ่งในสวิส ลางานมาเที่ยว

ปีเตอร์จะไปเนปาลต่อ (ตามแพคเกจทัวร์) และกลับมาฮ่องกง จนสุดท้ายจะได้ไปเจอลูกเมียที่โคตาคินาบาลู (มาเลเซีย)

ซึ่งน่ายินดี หลังจากเรากลับมาจากเที่ยวครั้งนี้ ในเฟสบุคปีเตอร์เค้าถึงมาเลเซียแล้ว การเดินทางอันยาวไกล

ในที่สุดก็จะได้กลับไปพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวอีกครั้ง น่ายินดี เราออกจากร้านกาแฟเพราะเริ่มเบื่อเกินไป

จึงตัดสินใจเดินเล่นในเมืองยามค่ำมืดละกัน เดินออกไปเจอถนนสายรุ้ง เราตั้งชื่อว่าถนนเสี่ยว

เพราะไฟมันสายรุ้งเยอะจริงๆ ถนนเส้นนี้เดาว่าเป็นสยามของลาซา มีช็อปเยอะอยู่

พระราชวัง โปตาลา

เราเดินไปมาจนกลับมาที่หน้า พระราชวัง โปตาลา คราวนี้เวอร์ชั่นกลางคืน

มีคนไทยมา ปัญญาอ่อน ทำอะไรกันที่นี่ ฮ่าฮ่า

Potala Palace

แถวนั้นมีสวนสาธารณะหน้าพระราชวัง ดูเหมือนเป็นสวนสำหรับคู่รักชาวทิเบต

คู่รักคนแก่ก็ออกมาเดินเล่นยามค่ำคืนแต่ไม่ฮาร์ดคอร์เท่าฮานอยนะ อันนี้ดูโรแมนติกกว่าเยอะ ฮ่าฮ่า

คิดว่าน้ำในสวนนี้เน่านะ..ความโรแมนติกเลยลดลง ฮ่า

เดินมาอีกนิดนึงจะเจอจตุรัสหน้าพระราชวัง คิดภาพไม่ออก เหมือนจตุรัสเทียนอันเหมินเป๊ะๆ

มีเสาธงข้างหน้า ด้านหน้าจากพระราชวังต้องห้ามก็เป็นพระราชวังโปตาลา เป๊ะเป๊ะ เด๊ะเด๊ะ

มีเพลงจีนโอเปร่าเปิดให้ฟัง ด้านหลังมีน้ำพุเต้นระบำ โรแมนติกสุดๆ ลมหนาวกระโชกกกกก

เวอร์ชั่นตอนกลางคืนบ้าง ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ เราว่างไม่มีอะไรทำ มามันทุกวันไปเลย ว่างจัด

ถ้าจากพระราชวังโปตาลาที่อยู่บนเขาแดง มาทางด้านซ้าย ตรงข้ามจะมีภูเขาอีกลูกหนึ่งเหมือนกัน

มีวัยรุ่นแต่งตัวเหมือนจะไปเที่ยวทองหล่อเอกมัยกันแต่สุดท้ายมาขึ้นภูเขานี้

ตอนหลังเราถึงรู้ว่ามันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกันมีค่าเข้าด้วยนะ

เราเดินเล่น ซื้อของกักตุน เข้าซูเปอร์จีนๆ มารีวิวให้ดูกัน ความน่าตื่นตาตื่นใจของซูเปอร์จีน ชิ้นแรก น้ำอัดลมปกติ

แต่ทำไมต้องวางคว่ำ คำตอบจากการเดาคือ ป้องกันหนูมาฉี่

แล้วกินปากกระป๋องตามฟอร์เวิดเมล์ จบ

อย่างสอง อันนี้เราเจอบ่อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่ถ่ายมา เนื้อตากแห้งอัดสูญญากาศ

มีทั้งปลา ไส้กรอก น่องไก่ (น่องไก่ยังแดงๆมีน้ำเลือดอยู่เลยนะ!!) น่าตื่นตาตื่นใจมาก มันจะเน่ามั๊ยเนี่ย

สุดท้ายกักตุนน้ำพอ ก็เดินออกจากซูเปอร์ แทกซี่ 10 หยวนกลับบ้าน โรงแรม วันนี้เป็นอันจบวันแบบงงๆ

โปรดติดตามต่อคราวหน้า พรุ่งนี้ไกด์พาไปวัดโจคัง วัดที่เก่าแก่ที่สุดในลาซา พบกันใหม่ใกล้จบแล้ว ติดตามความสนุกของทริปนี้ต่อได้ที่

พระราชวัง โปตาลา

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

16.BEIJING -TIBET 4/6

 

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES