Train to Tibet : EP13 Namtso Lake

2 กันยายน 2554 (ศุกร์) Namtso Lake

เล่าก่อนว่าก่อนที่เราจะมาถึงลาซา ตั้งแต่กรุงเทพเราวางแผนทัวร์กับเอเจนซี่ไว้แล้ว

ว่าวันแรกมาถึง เที่ยวเล่นเดินเล่นในลาซา แล้ววันที่สอง เราจะไปพระราชวังโปตาลา

กับวัดต่างๆที่อยากไป แต่กลายเป็นว่าเราเพิ่งมารู้ตอนมาถึงว่า ถ้าจะเข้าโปตาลาต้องจองตั๋วก่อน 1 วัน

เราเลยเปลี่ยนแผนจากเดิม ที่เราจะไปโปตาลาวันนี้ เราก็เปลี่ยนไปทะเลสาบนัมซัววันนี้แทนและ

เช้าวันนี้เราจะไปจองเข้าโปตาลาเพื่อวันพรุ่งนี้ เช้าตรู่ ไกด์ก็มารับเราเพื่อไปจองเข้าพระราชวังโปตาลาก่อน

จองก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม

Namtso Lake

เคยอ่านมาตามรีวิวเค้าบอกว่า ถ้ามาถึงลาซาควรไปทะเลสาบ Namtso Lake ประมาณวันที่ 3

เพราะทะเลสาบ Namtso Lake ต้องออกไปนอกเมืองไกล ซึ่งแถบนั้นความสูงระดับน้ำทะเลสูงมาก

อาจจะทำให้ปรับตัวไม่ทันเลยควรอยู่ในลาซาทำตัวให้ชินก่อนจะดี แต่เราไม่มีทางเลือก ไปก็ไป

วันที่ 2 ก็น่าจะโอเคมั้ง กลายเป็นว่าวันนี้เราจะไปทะเลสาบและนอนค้างคืนที่ทะเลสาบกัน 🙂

การไปทะเลสาบ จริงๆมีรถสาธารณะอยู่ลองหาข้อมูลกันได้ เรารู้กันแค่ว่าต้องนั่งรถออกไปนอกลาซาประมาณ 3 ชม.

โชคดีที่เรามีรถและไกด์ส่วนตัวในแพคเกจแล้ว

ระหว่างทางไปทะเลสาบ Namtso Lake ก็เป็นเช่นนี้

ระหว่างทาง เราก็จะเห็นทางรถไฟที่เรานั่งขามา มันขนานกันอยู่

ระหว่างทางผ่านแม่น้ำ สีฟ้าอ่อน น่ากินมาก

นั่งไปซักพัก ไกด์บอกถ้าอยากลงตรงไหนก็บอกได้นะ แล้วเค้าก็พาแวะห้องน้ำ

แต่เป็นห้องน้ำเวอร์ชั่นทิเบต ลงมาแล้วอากาศเย็น แดดร้อนหัว สุดยอด

คุณป้าเจ้าของห้องน้ำธรรมชาติสุดๆ แต่ไม่สกปรกนะ

ทางข้างหน้าที่เราจะไป เดินเล่นแถวนี้ก่อน

สัญลักษณ์ทิเบตคือธง เราก็ถ่าย มีสะพานด้วย เท่ๆ

กลับขึ้นรถ มาชมวิวข้างทางสวยก่อน ยังพอมีหิมะบนภูเขา

เราก็แวะกันต่อ คราวนี้เป็นชุมชนเล็กๆ มีเลี้ยงจามรีด้วย

ถ่ายรูปไม่เบื่อเลย ฟ้าเป็นฟ้า ทั้งที่ทุกรูปมันก็คล้ายๆกัน

ชุมชนเล็กๆมีการปูพื้น กราฟิกแบบทิเบต

นั่งรถกันต่อ แบบไม่ต้องเปิดแอร์ ชมวิว จริงๆวิวก็คล้ายๆกับบนรถไฟแต่คราวนี้ใกล้กว่า ได้ลงด้วย

แหม สวยขนาดนี้ เห็นด้วยตาขนาดนี้ แค่นี้ก็ตายตาหลับละ นั่งไปเรื่อยๆก็จะเห็นทางรถไฟเส้นที่เรานั่งมา

มันยกสูงด้วยนะ ที่เค้าบอกว่าจะไม่ทำลายธรรมชาติด้านล่าง

แต่ตอนอยู่บนรถไฟไม่รู้สึกเลยว่ามันอยู่ข้างบน หรือตอนนั้นเราหลับกันอยู่?

Namtso Lake

และแล้วก็ถึงทางเข้าอุทยาน ค่าเข้าคนละ 120 หยวน (ประมาณ 600 บาท)

ทางเข้าก็ซื้อตั๋วมีคนตรวจเพอร์มิต ห้องน้ำ ฯลฯ แต่ไม่มีคนเลย ดูสภาพสิ

พอเข้ามา ข้างในก็พอมีคนมาท่องเที่ยว จุดแรกที่เค้าฮิตแวะกันคือ

จุดที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุด 5190 เมตร จากระดับน้ำทะเล กรุงเทพ 2 เมตร …

คาดว่าทิเบตคงไม่ท่วมชัวร์ ฮ่าฮ่า

มีธงสีๆเต็มไปหมด มันคือความเชื่อของคนทิเบตที่แต่ละสีจะมีความหมายต่างๆกัน

ยกตัวอย่างเช่นสีฟ้าหมายถึงน้ำ เหลืองหมายถึงดิน อะไรเช่นนี้

ไม่แน่ใจมากลองหาข้อมูลกันได้ไม่ยากเย็นค่ะ

รอบๆแถวนั้น เป็นผาสวยงาม ถ่ายรูปสนุกสนาน

ขับออกมาแต่ยังอยู่ในเขตอุทยาน ก็จะเจอถนนเส้นยาวไปเรื่อยๆ

คือมันยาวมาก กว้างมาก สุดสายตาสุดๆ ไม่คิดว่าโลกจะใหญ่ขนาดนี้ ดีใจที่ได้เห็น

เราก็ขอไกด์ลงไปเลย มันกว้างมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้บนโลกนี้

ทุกอย่างสวยมาก มันคือหลังคาโลก

เราเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆบนโลกใบนี้แค่นั้นเอง

คุณลุงขี่มอเตอร์ไซด์ ท่าทางคุณลุงจะเห็นวิวนี้ทุกวัน

ความตื่นเต้นของคนบางคน กับ ความธรรมดาของคนบางคน

คนตัวเล็ก กับ โลกใบใหญ่ ช่างมหัศจรรย์

นี่สินะ ที่เค้าเรียกกันว่า สุดลูกหูลูกตา มันสุดจริง สวยจริง กว้างจริง

Namtso Lake

ในที่สุดก็ถึงโซนทะเลสาบนัมซัวซักที

แถวนั้นเริ่มมีชุมชนมาอยู่อาศัยโดยบ้านนึงตู้คอนเทนเนอร์นึง เปิดร้านอาหารจีนๆ

มีทหารมากิน เราก็แวะกินแถวนั้น ไม่มีภาษาอังกฤษอีกตามเคย ไกด์เลยสั่งให้

เรากินไฮโซเป็นมากุโร่จากทะเลสาบผัดไข่ ฮ่าฮ่า จริงๆมันคือมะเขือเทศนะ

แต่กินเสร็จราคาออกมา 100 หยวน ราคาไม่สวยนะคะ

ตั้งแต่กินมาทั้งทริป แพงสุดแล้วเนี่ย หรือเพราะมันเป็นโซนท่องเที่ยว

กินเสร็จ ก็หาที่นอนตามที่หาข้อมูลมาคือมันมีนอนเตนท์ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีแล้ว

เหลือแต่ที่พักแบบตู้คอนเทนเนอร์ สองชั้นต่อกันขึ้นไป คืนละ 45 หยวน

เราก็โอเคไม่มีทางเลือก จองไว้ แล้วออกไปเดินเล่นทะเลสาบกัน

Namtso Lake ตามความเชื่อคือเป็นทะเลสาบศักดื์สิทธิ์ คือสวยจริง

แต่เราว่ามองจากไกลๆสวยกว่ามาเห็นใกล้ๆ แถมตอนแรกคิดว่าน้ำจะใสจะได้ลองชิม

กลายเป็นละแวกนั้นมีจามรีให้ขี่ ประมาณขี่ม้าหัวหินแล้วจ่ายเงิน จามรีก็ขับถ่ายมันตรงนั้นแหละ

น้ำจากที่อยากกินกลายเป็นโอเคขอมองดูละกันนะ 🙂

เดินเล่นทะเลสาบไปซักพัก วิวนี่เหมือนรีทัชจริงๆ

เดินไปเรื่อยๆจะเป็นทางให้เดินไป กรวดหิน ชมความสวยงาม สุดโลก

สามสหายแบบร้อนๆ คืออากาศเย็นแต่ตากแดด นี่แหละทิเบต ดำไม่รู้ตัว ฮ่าฮ่า

Namtso Lake

ขอบอกว่าทิเบตสวยจริง ท้องฟ้างามจริง แต่แดดก็เปรี้ยงจริง

ทุกที่ย่อมมีดีและเสียแลกกัน เราก็แสบตาตามระเบียบ

คิดว่าตอนเย็นจะออกมาเดินเล่นใหม่ ตอนนี้ไกด์พาชมแหล่งท่องเที่ยวแถวนี้ก่อน

เดินมาทางซ้ายจากชุมชนนิดหน่อยก็จะเจอวัดและก้อนหินชายหญิง

เป็นแหล่งถ่ายรูปมั้งเพราะเซิส Namtso Lake นี้ทีไรคนก็จะถ่ายก้อนหินนี้ทุกที

ก้อนหินไม่ค่อยมีอะไร เราก็เดินกลับที่พักตอนนั้นแสบตามากอยากกลับแล้ว

เดินจากก้อนหินกลับไปชุมชนเมืองไม่ไกลนัก แต่ตอนนั้นเพื่อนปวดฉี่

มาดูห้องน้ำริมทะเลสาบกัน!! ทางเดินกลับไปสู่ชุมชนชายฝั่ง

ด้านซ้ายมือ จะเห็นเป็นชุมชนเลยแถวนั้น

ตอนแรกถามไกด์ว่าห้องน้ำอยู่ไหน ไกด์บอกว่าทุกที่คือห้องน้ำ …

เรางงกันเลย แล้วจะยังไง โชคดีหันไปเห็นห้องน้ำตู้ๆอยู่ริมทะเลสาบ

เราก็ไปดูกันมี 3 ตู้ ปิด 1 ตู้(ที่แลดูสะอาด) อีก 2 เต็มไปด้วยปรมาณู ขอบใจ

เพื่อนไปเดินดูมาบอกว่าเป็นภาพที่ไม่น่าจริงๆ ขอเซ็นเซอร์ไว้ เราจึงไม่ถ่ายรูปมา

ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย ฮ่าฮ่า แล้วทีนี้จะทำยังไง เราก็แอบเห็นสาวทิเบตเดินออกมาจากด้านหลังห้องน้ำ

สรุปพี่แกถกกระโปรงกันตรงนั้นแหละ เพื่อนเราบอกกล้านะแต่ตอนนี้ตอนกลางวัน

คนงานก่อสร้างอย่างตรึม แถมไม่มีกระโปรงอีก

สุดท้ายเลยคิดออกว่า เราจะไปฉี่ในห้องใส่ถุงพลาสติกละกัน ขำมากตอนนั้น ฮ่าฮ่า คิดมาได้

จริงๆไม่ควรแฉปะ หลังจากที่เพื่อนทำภารกิจเรียบร้อยในห้อง

เราก็นอนเอาแรงกันซักพัก ในตู้คอนเทนเนอร์ชั้นสองนี่แหละ

ประมาณเป็นตู้ยกมาซ้อนกัน แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเจอเรื่องซะก่อน…

เรานอนได้ถึงประมาณ 5 โมงเย็น เหมือนชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนแถวนั้น

เริ่มมีการต้มน้ำ ปล่อยคาร์บอนขึ้นหลังคาของแต่ละบ้าน คาร์บอนจะไปไหน

ก็เข้าห้องนอนเราสิ มีทั้งควันทั้งฝุ่น กลายเป็นว่าเพื่อนเราผู้ชายเริ่มหายใจไม่ออก ทั้งที่สูง

แถมออกซิเจนก็ไม่มี ชาวบ้านก็ยังคงต้มน้ำกันไป เราก็หายใจกันไม่ออก จนสุดท้ายลงไปคุยกับไกด์

ไกด์เลยบอกให้รีบกลับดีกว่า เพราะเคยมีเคสว่าบางคนทนนอน แล้วอยู่ๆก็ตายไปเลย อ้าว..ซวยแล้วเรา

โดนดีซะแล้ว ไม่คิดว่าการขาดอากาศจะเกิดขึ้นกับพวกเราเลย เราก็เลยตกลงกลับลาซามันตอนนั้นแหละ 6 โมงเย็น

กว่าจะถึงลาซาก็ 4 ทุ่ม โชคของเราที่ไกด์และคนขับรถดี เราเลยตัดสินใจขับกลับมาคืนนั้นเลย ตอนนั้นฉุกเฉินมาก

ไม่ได้ถ่ายอะไรมาให้ดูจริงๆ ปิดด้วยภาพ Namtso Lake เราไม่แน่ใจว่าจะกลับมาอีกมั๊ยเพราะเหมือน

ชาวบ้านแถวนั้นเริ่มทำลายความเป็นธรรมชาติลงทุกที ทิ้งเศษขยะ ไม่จัดการการขับถ่ายให้ดี

ของเสียเต็มไปหมด บางทีของสวยก็ต้องรักษาบ้าง…

เพิ่มเติมถ้าใครไปไม่แนะนำให้เอาเสื้อกันหนาวสีเข้มมากไป

เพราะคิดว่าคงดูดร้อนมากไปหน่อยอาจจะทำให้วิงเวียนได้นะ

Namtso Lake

ระหว่างทางเพื่อนที่ไม่สบาย นอนตลอด อยากบอกว่าถ้าคิดในแง่ดี

เราจะเห็นวิวของทิเบตยามเย็นที่ไม่ค่อยมีใครเคยเห็น

เช่นภาพนี้ ในโชคร้ายยังมีโชคดีนะ

วิวข้างทาง ที่นี่มืดช้าอยู่แล้ว คนขับก็เร่งสปีดเลย เพราะกลัวมืดก่อน น่าแปลก

การไปเที่ยวปกติขากลับจะรู้สึกเร็วกว่ากว่าขามา แต่คราวนี้รู้สึกว่าระยะทางจาก

ทะเลสาบถึงลาซามันช่างยาวนานเหลือเกิน มีเรื่องให้คิดอีกมา คืนนี้เราจะนอนที่ไหน

พรุ่งนี้เพื่อนจะหายมั๊ย แต่ช่างมันก่อน คิดไปก็เครียด

ดูวิวข้างทางมันก็ยังคงสวยอยู่เหมือนเดิม

มองในแง่ดีมันก็ดี เราได้เห็นวิวนี้ที่คนปกตินักท่องเที่ยวไม่ได้เห็นแน่

สุดท้ายเราก็คิดว่าโทรไปหาพี่ที่ spinn cafe ให้หาโฮสเทลไว้ให้เรา

พี่เค้าก็ดีมากช่วยเราสุดยอด เค้าบอกเดี๋ยวเราถึงลาซาเมื่อไหร่ไปหาเค้าที่ร้าน

เค้าจะพาไปโฮสเทลที่เค้ารู้จักอยู่ในเมืองเลย (ตอนแรกเราขอเค้านอนร้านเค้าด้วยแต่

เค้าไม่ให้ ก็ดีแล้วไม่งั้นร้านเค้าจะกลายเป็นที่นอนของคนไทยไป)

ที่เรากลับไปนอนโรงแรมเดิมไม่ได้เพราะเราไม่ได้จองของวันนี้ไว้ตามโปรแกรม

ที่คืนนี้เราต้องนอนที่ทะเลสาบ แต่วิวก็ยังสวยอยู่

Namtso Lake

อากาศในรถเริ่มหนาว มาทริปนี้พ่อแม่ให้เตรียมเสื้อหนาวสุดขั้วมา

เพราะคิดว่านอนที่ทะเลสาบจะหนาว กลายเป็นว่าเราไม่ได้นอน

แต่ก็อยากใส่เอาให้คุ้มอุตส่าห์แบกมา(หนักสุดเลยนะ) เราก็เลยได้เอามาใส่ในรถตอนมืดๆนี่แหละ ฮ่าฮ่า

สุดท้ายเราถึงลาซาประมาณ 4 ทุ่ม พี่ร้านสปินก็พาไปที่โฮสเทลชื่อ Lhasa Hostelเป็นโฮสเทลของคนจีน

ที่มาเปิดในลาซานี่แหละ คนละ 40 หยวน (ประมาณ 200 บาท)

นอนห้อง 4 คน รูมเมทเราคือสถาปนิกสาวชาวจีนมาเที่ยวเหมือนกัน

โฮสเทลนี้ เค้าบอกห้องน้ำน่ากลัวมาก แต่เราไม่ได้เข้า ใช้ห้องอาบน้ำเอา

ตามผนังเต็มไปด้วยคนเขียนมากเกินไปจริง ดูแล้วตกใจ

คืนนั้นก็นอนกันไปแบบเกือบไม่มีที่นอน

เราตื่นมา เพื่อนอาการโอเคแล้ว วันนี้ตามที่ตกลงกับไกด์คือ เนื่องจากเมื่อวานไกด์ทำงานล่วงเวลา

เค้าเลยนัดเราบ่าย2เลย ไปเจอกันที่โรงแรมเดิม ช่วงเช้าเราก็ว่าง ข้าวเช้า

โฮสเทลนี้มีไข่ต้มกับข้าวต้มถั่ว กินบนชั้นบนสุด วิวนี่ไฮโซไม่เหมือนข้างล่างเลย ฮ่าฮ่า

Namtso Lake

เราเดินออกมาเล่นในเมือง ไม่มีอะไรมาก ซื้อโปสการ์ดเป็นปึกกลับไปนั่งเขียน

ทำการบ้านส่งเพื่อนๆ(เยอะแยะตาแป๊ะมาก) เพื่อรอบ่าย 2 ที่ไกด์จะมารับเราไปเที่ยวต่อ นอนรอไป

สิ่งที่ขาดไม่ได้ทุกตอนหลังจากนี้ โยเกิร์ต คราวนี้ลองอีกยี่ห้อนึงบ้าง ฮ่าฮ่า ต้องกินทุกวัน

เมื่อวานไม่ได้กินก็กินวันนี้ คนละ 2 ถ้วย จริงจังกันมาก

ถึงขั้นเอามาเปรียบเทียบ ยี่ห้อเหลืองจะเปรี้ยวกว่านิดหน่อยนะ

วันนี้ขอจบพาร์ท Namtso Lake แค่นี้ก่อน ทุกคนอย่าลืมหนีน้ำ แล้วคราวหน้าเราจะเข้าไปที่นี่แล้ว

 ก่อนไปขอฝากอะไรหน่อย เคยมีคนถามเราว่าลางานไปได้ยังไงเป็นเดือน

อยากทำบ้าง ตอนนี้คนกรุงเทพมีโอกาสกันแล้ว ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์

อย่ามัวเครียดดูทีวีอยู่บ้าน หนีน้ำคลายความทุกข์แล้วออกไปเที่ียวกันดีกว่า

โปรดติดตามกันต่อไป ได้ที่

https://go-graph.com/category/gograph-season1/

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

15.BEIJING -TIBET 3/6

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES