Train to Tibet : EP11 Train to Tibet

31 สิงหาคม (พุธ) 2554

เมื่อคืน เราเกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน สุดท้ายทัน เราจองตั๋วรถไฟกับเอเจนซี่

ได้ตั๋วเป็น Hard Sleeper ของรถขบวน T27 ออกจากปักกิ่ง 20.09

วันนี้พบกับตอนที่มีชื่อว่า Train to Tibet นั่งรถไฟไปธิเบต พร้อมแล้วไปกันเลย

ราคาบนตั๋วเขียน 745 หยวน (ซึ่งเราไม่ได้ซื้อราคานั้น) เช้าวันนี้เป็นวันแรกที่เราตื่นสายได้

เพราะวันนี้เราอยู่บน รถไฟไปธิเบต ทั้งวัน กว่าจะถึงลาซาก็ 4 โมงเย็นของอีกวันนึง

ศิริรวมครั้งนี้เราอยู่บนรถไฟขบวนนี้ทั้งหมด 44 ชม.บนรถไฟขบวนนี้ มารีวิวทั้ง 44 ชม.กัน

เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนเผื่อใครจะทำตาม ว่าเราทำยังไงไปยังไง เริ่มคือ

1 เราแค่รู้ว่ามันมี รถไฟไปธิเบต ขบวนนี้ แต่รู้อีกว่าตั๋วหายากมาก

2 เรารู้ว่าถ้าจะเข้าทิเบตต้องทำใบ permit

3 ไม่มีใครรับทำใบ permit ฟรีๆ เราต้องซื้อทัวร์กับเค้าเท่านั้น

เราติดต่อเอเจนซี่ไทย ทั้งค่ารถไฟและค่าทัวร์ตกคนละ 35000 บาท (3 คืน 4 วัน)

จนสุดท้ายเราเลือกเอเจนซี่ชื่อ Chinayak เป็นของจีนเลย (เซิสตามกูเกิลได้)

สามารถติดต่อผ่านอีเมล์ เค้าจะวางแผนทัวร์มาให้เราได้

สรุปคือเราเลือก chinayak ให้จัดการเรื่องตั๋วรถไฟไปกลับ (ปักกิ่ง-ลาซา-เซี่ยงไฮ้) ,

ทัวร์ ไกด์ รถตู้ ใบเพอร์มิต โรงแรม ในราคา 5700 หยวน / คน (ประมาณ 28500 บาท

แต่ยังมีค่าโอนเงินไปจีน ค่าชาร์ตเตียงเสริม ฯลฯ ซึ่งอยู่ในราคา 30000 บาท 4 คืน 5 วัน)

ซึ่งเรื่องตั๋วรถไฟถ้าเราจองกับเอเจนซี่แล้ว ยังไงเราก็ได้

แต่ราคาอาจจะชาร์ตเป็นเท่าตัว แต่ว่ามันก็คุ้มนะกับทิเบต กับการนั่งรถไฟ

 

เฉพาะแค่ค่าตั๋วรถไฟไปกลับ ตกรอบละ 1800 หยวน (ประมาณ 9000 บาท) แค่ค่ารถไฟไปกลับก็ 18000 บาทแล้ว

ตอนนี้เรานั่งขาไปลาซาเรามูลค่า 9000 บาท เราได้แบบ Hard Sleeper คือ เป็นห้องไม่มีประตู มีเตียง 3 ชั้นขึ้นไป

ล็อคนึงมี 6 เตียง เราได้ชั้นล่าง กลาง บน เลย ตรงข้ามเราก็มีเพื่อนร่วมห้องเป็นคุณป้าชาวจีน 2 คน (นอนเตียงล่างกับบน)

และฝรั่งชาวสวิสชื่อปีเตอร์ (คนนี้เรามีเรื่องเล่าอีกเยอะ) บรรยากาศนอกห้อง

คนก็มานั่งชิวๆดูวิวกัน (ส่วนใหญ่คนที่นั่งจะเป็นคนชั้นบนเพราะข้างบนสุดมันอึดอัดนิดนึง)

รถไฟมีทั้งหมด 3 เตียง เตียงชั้นล่างจะแพงสุด เพราะเหมือนได้พื้นที่ได้การนั่งกินนอนกิน

เจ้าของที่จะต้องเป็นต้องคนดีเพราะลูกทีมในห้องจะต้องมาร่วมนั่งแบ่งปันด้วย

เพื่อนผู้ชายเรานอนเตียงล่าง กลายเป็นว่าที่เตียงล่างฝั่งเรานี้กลายเป็นห้องนั่งเล่นของเรา

เตียงล่างก็จะมีโต๊ะตรงกลาง เอาไว้วางของกินได้ ความเดิมที่เรานั่งมา 27 ชม.มาปักกิ่ง

เราเรียนรู้ว่าถ้านั่งบนรถไฟนานๆต้องเตรียมของกินที่หยิบง่าย แห้ง ทำกินไม่ยุ่งยาก

คราวนี้เราก็จัดเลย มาม่า ไส้กรอก ขนมปัง น้ำ2ขวดยักษ์ ไอซ์ที ฯลฯ

แต่กลายเป็นว่าอาเจ้ตรงข้ามเจ๋งกว่าเรา(อีกแล้ว) แกเตรียมชามมาต้มมาม่า

กรอกน้ำร้อนกันเลย คือพี่แกปรุงอาหารกันบนรถไฟเลย

เรารู้สึกเสียท่าอีกแล้ว (อะไรฟะ ทำไมพลาดอีกแล้ว)

สรุปแล้วถ้าใครมาคนเดียว รักความสบาย มีนิสัยแบ่งปัน เป็นมิตร ก็พยายามหาเตียงล่างให้ได้

แต่แค่แพงที่สุดแค่นั้นเอง เห็นวิวมากสุด สะดวกสบายที่สุดก็ตามมา และวุ่นวายที่สุดด้วยเช่นกัน ฮ่าฮ่า

ต่อมาเตียงกลาง เราเองได้นอนเตียงนี้ มีคนบอกว่าถ้าอยากได้ความสงบต้องเตียงนี้ เพราะไม่ติดเพดาน

อยู่ตรงกลาง แถมที่นอนไม่เลอะกลุ่มคนที่มานั่งเล่นด้วย แต่เอาจริงๆแล้ว ความสูงของเตียงกลางกับเตียงบนสุดพอๆกันเลย

คือนั่งได้แต่อย่ายืดหัวมากนัก แต่ดีที่เตียงกลางยังพอเห็นหน้าต่างเล็กๆ

ต่อมาเตียงบนสุด สูงสุด ถูกสุด มองไม่เห็นหน้าต่าง แต่ความเป็นส่วนตัวสูงมาก

ด้านบนจะมีซอกเอาไว้ยัดกระเป๋าเดินทางของสมาชิกในห้อง ส่วนตัวสุดชนิดถ้ามาคนเดียวแล้วได้เตียงนี้

มีสองทางเลือกคือ นอนตายอยู่ข้างบนนั่นแหละ

หรือไม่ก็ต้องลงมาข้างล่างแล้วอย่าขึ้นไปอีกเลยจนกว่าจะถึงเวลานอน

ผ้าห่มหมอน ที่นี่สะอาด สีขาว ยามเช้าตื่นมานี่อยากจะนอนอู้เหมือนอยู่ในผ้าห่มนานๆ

รถไฟแอร์เย็นโอเคเลย มีเพลงเปิดให้ฟังด้วย ในรูปถ้าถ่ายจากชั้นบนลงมาข้างล่าง

อาหารที่เราเตรียมมาเกะกะโต๊ะที่สุด ฮ่าฮ่า แนะนำว่าถ้าใครมาให้เอา lock&lock

มาด้วยเพราะกรอกน้ำร้อนรถไฟฟรีจ้ะ (แต่เราทำ Lock&lock หายตั้งแต่หนานหนิงแล้ววว)

ที่นั่งตรงทางเดินก็จะมีอาหารของแต่ละห้องเอามากองๆไว้ ประมาณไม่มีที่วางตามประสาชาวจีน

ชั้นบนสุด ถ้ามองไปด้านซ้ายจะเห็นช่องเอาไว้เก็บกระเป๋าที่พูดถึง

เตียงยาวนะ นอนยืดขาได้แต่ป้าเค้าหนาวเลยหดขา 🙂

รถไฟขบวนนี้วิ่งผ่านความสูงระดับประมาณ 5000 เมตรเหนือน้ำทะเล

ทำให้รถไฟต้องมีท่อออกซิเจนออกมาด้วย

ท่อออกซิเจนก็จะอยุ่ตรงหัวนอนเราทุกเตียง ถ้าใครอยากใช้ก็ขอสายยางจากเจ้าหน้าที่รถไฟตามโบกี้กลาง

แต่เรานั่งรอบนี้ไม่เห็นใครใช้นะ

เตียง เหมือนรถไฟปกติ ที่ช่องเก็บของ

นอนไป 44 ชม.

วันแรกเรายังอยู่ในเมืองจีนอยู่ มองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ค่อนข้างแห้งแล้ง

ข้าวเช้าเรากินโยเกิร์ตกับเยลลี่ไป ดูไม่มีสารอาหาร เพราะไม่ได้ใช้พลังงานมากนักวันนี้

ตุนอาหารไว้ก่อน ช่วงบ่ายเราก็ออกไปเดินเล่นโบกี้อื่นบ้าง รถไฟขบวนนี้ก็เหมือนปกติที่มี

ตู้นอนไฮโซ Soft Sleeper ตู้แบบเรา Hard Sleeper และที่นั่ง แบบที่เราเคยนั่ง

แต่รอบนี้คนไม่หนาแน่นเท่าตอนเรานั่งจากปักกิ่ง แอร์ก็เย็น เก้าอี้ก็ดูสบายนะ

แต่ละโบกี้ก็จะมีห้องน้ำอยู่หน้าหลัง ห้องน้ำบนรถไฟเป็นยังไงเราจะมาเล่าต่อ ตอนนี้เดินไปเรื่อยๆจนถึงตู้เสบียงก่อน

ตู้เสบียงแลดูไฮโซ มีไว้ขายอาหารเป็นชุด ขายน้ำ บางทีพ่อครัวก็ทำข้าวกล่องเป็นชุด (ชุดละ 20 หยวน)

แล้วก็ให้พนง.เข็นรถเข็นไปขายตามตู้เรา ถ้าอยากชิวๆก็มานั่งกินได้

ชมวิวด้วย กระจกดูใหญ่ดี แต่ต้องซื้อเค้านะไม่งั้นเค้าไม่ให้นั่ง

ต่อไปห้องน้ำ ท่าทางรูปจะถ่ายตอนยังไม่เน่า เพราะหลังๆจะมีชาวจีนต้มมาม่าล้างองุ่นแล้วเส้นมาม่า

กับพวกเศษอาหารจะไปติดตามอ่างล้างหน้า ท่อก็จะเริ่มตัน สงสารพนักงานรถไฟที่สุด

แต่จะบอกสูตรให้ว่า ถ้าห้องน้ำฝั่งโบกี้เราสกปรกแบบรับไม่ได้มาก

แนะนำให้เดินไปจนถึงโบกี้ Soft Sleeper เพราะจะสะอาดไฮโซสุด

พวกคนรวยเค้าอยู่กัน เราก็เนียนๆไป

เราก็เดินเล่นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตู้โลโซ ยันไฮโซ เราเดินอยู่ใน soft sleeper

ก็มีผู้ชายคนนึงเข้ามาคุยกับเรา เป็นฝรั่งชาวเยอรมัน แลดูไม่ได้คุยกะคนอื่นนานแล้ว

เพราะเค้าถูกแยกตู้กับครอบครัว แต่เค้าเท่มากที่แบบ วางแผนเดินทางรอบโลก 5 ปี

ตอนนี้เข้าปีที่ 3 แล้ว มาทั่งครอบครัวเลย พ่อแม่ลูก 2 คน home school เอา

เที่ยวจบค่อยพาลูกไปสอบ จ๊าบมาก เห็นแล้วการเดินทางของเราช่างจิ๊บจ๊อยไปเลย

เค้าเริ่มตั้งแต่ยุโรป มอสโค เกาหลีเหนือ จีน เวียดนาม ไทย มาเล ไทย จีน ลาซา

แล้วจะไปต่อ เนปาล อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ อเมริกาใต้ คือไปทุกทวีปยกเว้นแอฟริกา

สุดยอดมั๊ย โคตรเท่ และรวยมาก เที่ยวทั้งครอบครัว

ไม่บ้าทำไม่ได้ ยกย่องๆ มีใครอยากใช้ชีวิตแบบนี้บ้างมั๊ย

ระหว่างขบวน ในรถไฟมีเทอร์โมมิเตอร์ ท่อออกซิเจน ทั่วถึงๆ

หลังจากคุยกับฝรั่งเยอรมันเสร็จ เค้าก็ให้นามบัตรเรามา สรุปเค้าเป็น journalist (อะไรจะรวยขนาดนั้น)

รถไฟก็จอดสถานี เราก็เลยลงไปเดินเล่น หาของกินที่ชาวบ้านจะมาขายดู อากาศเริ่มเย็นๆละ ยังอยู่ในจีนนะ

เรากำลังอยู่บนรถไฟขบวนนี้ T27 จากปักกิ่ง มุ่งหน้าไป ลาซา เมืองหลวงทิเบต ! ไปเลยไปนั่ง รถไฟไปธิเบต กันนน!!!

แถวสถานีก็จะมาคนมาขายของ มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนแย่งกันซื้อ ต่อคิวกัน เราก็สงสัยว่าคืออะไร สุดท้ายก็ซื้อมา !!

มันคือสิ่งนี้ สุดยอดมาก สุดยอดแห่งความอร่อย เราว่าโยเกิร์ตที่เรากินตอนนี้มันอร่อยแล้วนะ

อันนี้สุดยอดกว่า เป็นโยเกิร์ตผสมธัญพืช งาดำ พวกเมล็ดนู่นนี่ อร่อยๆมาก หวาน เปรี้ยวๆ

ขนาดจขกท.ไม่ชอบกินอะไรพวกนี้แต่สิ่งนี้อร่อยจริงๆ ถ้วยละ 5 หรือ 10 หยวนนี่แหละ อร่อยมาก ย้ำ!

ถ้าใครนั่ง รถไฟไปธิเบต ขบวนนี้ขอให้ลงไปซื้อ

เพราะมันมีขายแค่สถานีเดียวเท่านั้น คือสถานี Xining อร่อยโดนใจมากๆ

เราไม่มีอะไรทำจนต้องรีวิวอาหารที่ซื้อมา เริ่มจากกระป๋องนี้

เข้าใจว่ามันคือซุปเนื้อกระเป๋า สุดท้ายกลายเป็นซุปถั่วซะงั้น เรา 3 คนกล้ำกลืนฝืนกินมาก เกี่ยงกันกินสุดๆ

ช่วงบ่ายแก่ๆ ทุ่งหญ้าข้างทางเริ่มเป็นสนามหญ้าแบบเทเลทับบีส์ละ น่าวิ่งเล่นมาก

นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ เริ่มไม่มีอะไรทำ เราก็คุยกับปีเตอร์ (เพื่อนฝรั่งชาวสวิสตรงข้าม)

ปีเตอร์เป็นพนักงานบริษัทเครือข่ายมือถือของสวิส เค้าลาพักร้อนมาเที่ยว มากับทัวร์

เพื่อนๆเค้าอยู่โบกี้อื่น เราก็สนิทเลย ขอเค้าดูพาสพอร์ต ไม่ได้จะสืบนะ

แต่พาสพอร์ตสวิสสวยมาก เราเห็นสวยมากเลยขอเค้าถ่ายรูป ทำหน้าที่ดีไซนเนอร์หน่อยๆ

ดูวิวไปเรื่อยๆ ฟ้าเริ่มมืดช้าลง

ข้าวกล่องบนรถไฟ แบ่งกันกิน เอาจริง เวลาหนึ่งวันบน รถไฟไปธิเบต มันก็ไม่ได้น่าเบื่อนะ

ว่างเราก็เขียนโปสการ์ดให้เพื่อน นั่งจดไดอารี่ คุยกับเพื่อน ถ่ายรูป ดูวิว ฟังเพลง กิน หมดวันละ

ชีวิตแบบช้าๆเรื่อยๆ อยู่บนรถไฟ ปล่อยให้มันแล่นไปเรื่อยๆ

เราเอนจอยกันมาก แฮปปี้ดี สบาย สบาย

ว่างๆก็นั่งฝึกอ่านภาษาจีนไป ตลกดี เพลินๆ

บนรถไฟก็เปิดเพลงเพราะ แอร์ก็เย็น กินก็อิ่ม ดูวิวก็สวย นี่แหละการพักผ่อน สบายใจ

คุ้มแล้วชีวิต เห็นพวกนี้มากับตา

เหมือนจะเป็นทะเลสาบ บนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่ออกเสียงตามสายตลอดว่าเราอยู่ไหนแล้ว

แต่ฟังไม่ค่อยได้ยิน เราก็เลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฮ่าฮ่า

เวลาว่างสิ่งที่เห็นชัดเจนคือ คนจีนเวลาว่างจะนอนไม่ก็กิน คือจะได้ยินเสียงกินตลอดเวลา

ส่วนฝรั่งไปนอนก็อ่านหนังสือ ส่วนคนไทยคือเรา อ่านบ้างกินบ้าง ผสมผสาน 🙂

ประมาณ 6 โมงเย็นละ เวลาผ่านไปเร็วดี เราไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่าจะเอาปลากระป๋องของแม่ ไปกินกับข้าวที่ตู้เสบียง

ประเด็นคือไปชมวิวที่ตู้เสบียง แล้วซื้อข้าวสวยเค้า 2 หยวนพอ ไฮโซแบบยาจกๆ ตู้เสบียงวิวงามจริงๆ

วูวู รถไฟเลี้ยวโค้ง

เริ่มเห็นฝูงจามรี สัตว์ยอดฮิตของทิเบต ต่อไปเราจะเรียกว่า ยัก Yak นะจ้ะ

ภาพที่สวยที่สุดที่มองเห็นบน รถไฟไปธิเบต เป็นภาพที่เราต้องเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ออกไปเที่ยวกันทุกคน 🙂

เชื่อยัง ที่เราบอกว่ามันเทเลทับบี้อะ มันคือแบบนี้ เทเลทับบี้ มั๊ยหล่ะ

ทุ่มนึงผ่านไป ซื้อข้าวสวย 2 ถ้วย นั่งยาวจนรากงอกเลย วิวมันสวยนี่นา

เป็นการกินข้าวเย็นที่สวยที่สุดในชีวิต 🙂

ข้าวเย็นเสร็จ ตามต่อด้วยเมนูเดิม โยเกิร์ต อร่อยมาตั้งแต่ปักกิ่ง ขาดไม่ได้ต้องกินมันทุกวัน !!

เรากลับตู้เรา ตอนประมาณ 2 ทุ่มมั้ง สุดท้ายประมาณ 4-5 ทุ่มรถไฟก็ปิดไฟไล่ให้นอน

ราตรีสวัสดิ์ทุกคน วันนี้พอแค่นี้ก่อน แต่พรุ่งนี้สิ เข้าสู่โซนสวย บน รถไฟไปธิเบต

เพราะเราตื่นมา เราเห็นภาพแบบนี้ เป็นเช่นไรโปรดติดตาม 😀

หากมีเรื่องสงสัยเกี่ยวการ นั่งรถไฟไปธิเบต แบบเรา ไปดูกันได้ที่เว็ปนี้เลย เขาตอบคำถามให้หมดแล้ว

Train to Tibet รีวิวรถไฟไปธิเบตของเราก็จบแต่เพียงเท่านี้ แต่การผจญภัยของของจริงเพิ่งจะเริ่มเท่านี้น ไปลุยกันต่อได้ที่

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

13.BEIJING -TIBET 1/6

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES