
THE FARM RESORT JAPAN
หากใครที่กำลังมองหาที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวแนวใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนาริตะ (Narita Airport) หรือเบื่อการท่องเที่ยวในแบบเดิมๆ มาญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไปสถานที่ซ้ำๆ เราขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับที่พักสไตล์รีสอร์ทและแกลมปิ้ง (Glamping) สุดหรูท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติกับที่นี่ “THE FARM RESORT JAPAN”
THE FARM คือสถานที่แบบไหน

แม้ว่าโดยปกติแล้วเราจะอ่านชื่อ “เดอะฟาร์ม” แต่เพื่อไม่ให้เป็นการสับสน ขอแนะนำให้อ่านตามเสียงภาษาญี่ปุ่นคือ “ซะฟาร์ม” ค่ะ (ภาษาญี่ปุ่นอ่านเสียง “The” เป็น “ซะ”) THE FARM RESORT JAPAN ตั้งอยู่ในเมืองคาโทริ (Katori) จังหวัดชิบะ (Chiba) ห่างจากสนามบินนาริตะ โดยขับรถเพียง 25 นาทีเท่านั้น แต่สำหรับใครที่ไม่มีรถก็ไม่เป็นไร เพราะทางฟาร์มมีบริการรถรับ-ส่งตรงมาจากสนามบินนาริตะ และสถานีโตเกียว (Tokyo Station)

THE FARM เป็นฟาร์มเกษตรที่รายล้อมด้วยธรรมชาติซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ หากใครที่เคยไปเที่ยวโตเกียวโดม (Tokyo Dome) มาก่อนขอให้จินตนาการว่าที่นี่มีพื้นที่ใหญ่กว่าโตเกียวโดมถึง 2.5 เท่า ที่นี่ยังได้รับรางวัลที่พักยอดเยี่ยมถึง 6 ปีซ้อนเลยนะ
แนะนำที่พักแต่ละประเภทของ THE FARM
หลายคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่า THE FARM นั้นพิเศษอย่างไร ก่อนอื่นเลยเราจะขอแนะนำที่พักก่อน ซึ่งที่นี่มีที่พัก 3 รูปแบบให้เลือก ดังนี้
1. ที่พักสไตล์ Glamping

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าแกลมปิ้ง (Glamping) กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยแกลมปิ้งนั้นเป็นที่พักในรูปแบบของการตั้งแคมป์กลางธรรมชาติที่ผสมผสานกับความสะดวกสบายของโรงแรม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตียง เครื่องปรับอากาศ ปลั๊กไฟ ทำให้ที่พักสไตล์นี้ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถเข้าพักได้

นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าที่พักยังมีเซ็ตบาร์บีคิว (BBQ) ให้เราได้ปรุงอาหารกันแบบส่วนตัว พร้อมกับเปลให้นอนเล่น หรือใครที่ชอบถ่ายรูปก็สามารถไปขอยืมอุปกรณ์ตกแต่งเต็นท์จากโซนล็อบบี้เพิ่มเติมได้อีกด้วย (สำหรับโซนนี้จะให้บริการเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม – ธันวาคมเท่านั้น)
2. ที่พักสไตล์ Cottage

ที่พักค็อททิจ (Cottage) หรือเรียกอีกอย่างว่า “กระท่อม” เป็นที่พักที่เหมาะกับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว โดยมีหลายประเภทตั้งแต่ห้องพักที่สามารถจุได้สูงสุด 4 คน หรือเป็นห้องขนาดใหญ่ที่สูงสุดได้ถึง 8 คนเลยทีเดียว จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากันเป็นครอบครัวใหญ่มาก


ที่สำคัญยังมีห้องพักประเภทที่มีห้องซาวน่าส่วนตัว และรองรับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย (สำหรับโซนนี้สามารถเข้าพักได้ตลอดปี)

3. Campsite สำหรับสายลุย

ใครที่เป็นสายแคมป์ล่ะก็ต้องชอบที่พักประเภทนี้ เพราะที่นี่มีโซนสำหรับกางเต็นท์เองด้วย แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องแบกเต็นท์มาให้หนัก เพราะที่นี่มีให้บริการเช่าเต็นท์และอุปกรณ์ทุกอย่าง จึงสามารถมาเที่ยวได้แบบตัวเปล่าเลย และอุปกรณ์ของที่นี่ใช้ของแบรนด์ดังอย่าง Snow Peak ด้วย ทำให้สามารถมั่นใจในคุณภาพได้อย่างไร้กังวล
โซนรับประทานอาหารที่ THE FARM Café


ซะฟาร์มคาเฟ่ (THE FARM Café) เป็นโซนที่ให้บริการอาหารเช้า กลางวันและเย็น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึง 16:00 น. อาหารแต่ละเมนูรังสรรค์มาจากพืชผักที่ปลูกเองในฟาร์ม ทำให้ล้วนแต่มีเมนูที่สดใหม่และดีต่อสุขภาพ โดยมีที่นั่งทั้งกลางแจ้งและในร่ม ซึ่งบริเวณที่นั่งกลางแจ้งนั้นเราสามารถชมวิวแกลมปิ้งที่อยู่ด้านล่างได้อีกด้วย

สำหรับเมนูที่เราชื่นชอบที่สุดก็คือของหวานชื่อว่า “ฮะจิอุเอะ” (Hachiue) เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน ชอบในไอเดียที่ทำเป็นกระถางต้นไม้น่ารักมากๆ เลยค่ะ ตรงกับชื่อ “ฮะจิ” ที่แปลว่ากระถาง ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับรับประทานเค้กทิรามิสุ ข้างในยังสอดไส้ธัญพืชต่างๆ เช่น ลูกเกด คอนเฟลก เป็นต้น

กิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจภายใน THE FARM
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่า “เอ๊ะ! นอกจากที่พักแล้วมีอะไรให้ทำรึเปล่า” ขอบอกเลยว่าที่ THE FARM นั้นมีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ให้เราสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย โดยเราจะขอแนะนำตาม Timeline ตั้งแต่ช่วงกลางวันไปจนถึงกลางคืน จะมีอะไรบ้างไปชมกันดีกว่า
1. สัมผัสและให้อาหารสัตว์ในฟาร์มอย่างใกล้ชิด

อย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่าฟาร์มและสัตว์เป็นของคู่กัน โดยที่นี่มีเหล่าฝูงน้องแพะและม้าแคระแสนน่ารักที่เราสามารถเข้าไปเล่นด้วยได้อย่างใกล้ชิด หรือจะให้อาหารน้องๆ กันก็ได้ กิจกรรมนี้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กๆ มากค่ะ
2. Zipline สุดมันส์ สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ซิปไลน์ (Zipline) กิจกรรมโหนเคเบิ้ลผ่านโซนแกลมปิ้งระยะทางกว่า 180 เมตรสุดเร้าใจ สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปกติแล้วสต๊าฟจะคอยดูแลเรื่องระบบความปลอดภัยและชุดที่สวมใส่ แต่ความพิเศษของที่นี่คือสต๊าฟจะสอนวิธีใส่ชุดและวิธีคล้องสายซิปไลน์กับเคเบิ้ลด้วยตัวเอง และจะมีการซ้อมเล่นก่อน 1 รอบ นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้เรียนรู้วิธีการคล้องอย่างถูกวิธี
ผู้เข้าพักสามารถร่วมกิจกรรมนี้ได้ในเวลา (13:00ทุกวัน)
(※10:00/11:00/14:00/15:00) ※วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น
3. เก็บผักในฟาร์ม พร้อมรับประทานสดๆ

มาฟาร์มการเกษตรทั้งทีจะไม่มีกิจกรรมนี้ก็กะไรอยู่ โดยกิจกรรมนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการเก็บผักสดๆ ในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้าวโพด มะเขือ กระเจี๊ยบ เป็นต้น ระหว่างการเก็บเกี่ยวจะมีสต๊าฟคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และสต๊าฟที่มาดูแลเราในครั้งนี้คือ “ยาไส้จัง” (Yasai-chan) หรือเรียกว่า “คุณผัก” คนดังแห่ง THE FARM นั่นเอง

หลังจากเก็บผักไปแล้ว เราก็สามารถนำผักที่เราเก็บมาทำบาร์บีคิวต่อได้ หรือใครที่อยากซื้อผักติดไม้ติดมือกลับไป ที่นี่ก็มีโซนจำหน่ายเช่นเดียวกัน นอกจากผักในฟาร์มแล้ว ยังมีผลไม้ เช่น เมลอน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วยนะ
4. อิ่มอร่อยกับมื้อเย็นด้วยบาร์บีคิวสุดคุ้ม

หลังจากที่เต็มอิ่มไปกับกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็มาถึงเวลาช่วงเย็นนั่นก็คือการปิ้งบาร์บีคิว (BBQ) นั่นเอง ซึ่งเซ็ตบาร์บีคิวที่ทางฟาร์มได้เตรียมไว้ก็คือเนื้อวากิวขนดำคาซุสะ (Kazusa Wagyu) A5 สุดพรีเมียม หนึ่งในเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดชิบะที่บอกเลยว่าเนื้อคุณภาพดีสมชื่อมาก หอมนุ่มลิ้น ละลายในปาก ใครที่ชื่นชอบการรับประทานเนื้อล่ะก็ถูกใจแน่นอน

นอกจากนี้ คาดว่ามีคนไทยหลายคนที่ไม่รับประทานเนื้อกันใช่ไหมคะ ส่วนนี้เองก็สามารถแจ้งกับทางที่พักล่วงหน้าได้ ทางฟาร์มจะเปลี่ยนจากเมนูเนื้อเป็นหมูให้ค่ะ และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำบาร์บีคิวด้วยตนเองก็สามารถไปใช้บริการห้องอาหารได้เช่นกัน
5. ชมมายากลและโชว์สนุกๆ ในยามค่ำคืน

เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืน บรรยากาศของฟาร์มจะเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยแสงสีสุดโรแมนติก และยังมีโชว์สนุกๆ ที่จัดขึ้นหน้าโซนแกลมปิ้งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือการดูโชว์มายากลที่คาดว่าจะถูกใจน้องๆ หนูๆ อย่างแน่นอน (กิจกรรมและโชว์จะปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล)
6. ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าทั้งวันด้วยการแช่ออนเซ็นที่ Karin Hot Spring


คะรินโนะยุ (Karin Hot Spring) เป็นตึกที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เหมาะกับการพักผ่อนที่เปิดให้แขกที่ไม่ได้เข้ามาพักสามารถใช้บริการได้ โดยที่นี่มีทั้งโซนออนเซ็น ซาวน่า หรือแม้แต่โซนห้องสมุดที่เราสามารถแวะมาหาหนังสือที่น่าสนใจอ่าน หรือนั่งผ่อนคลายหลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว

ชุดยูนิฟอร์มของที่นี่ก็น่ารักมากๆ เป็นเสื้อฮู้ดสีฟ้าสดใสกับกางเกงขาสั้น ใส่สบายสุดๆ เลยค่ะ (หากใครที่ไม่สะดวกใช้บริการออนเซ็นก็สามารถไปใช้ห้องอาบน้ำส่วนตัวบริเวณโซนแกลมปิ้งได้)
7. ปิดท้ายด้วยการสนุกไปกับกิจกรรมดูดาวด้วยกล้องดาราศาสตร์

เนื่องจากว่าเมืองคาโทรินั้นค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากกรุงโตเกียว ทำให้เวลากลางคืนที่ฟ้าใสสามารถมองเห็นหมู่ดาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งทาง THE FARM ก็มีกล้องดาราศาสตร์ และกล้องดูดาวให้ได้ชมดาวกันแบบชัดๆ อีกด้วย ระหว่างนั้นสต๊าฟก็จะคอยเล่าเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับดวงดาว ทำให้ค่ำคืนนั้นเต็มอิ่มไปด้วยความสนุกสนานกันทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่
สรุปจุดเด่นของ THE FARM
- THE FARM มีสต๊าฟชาวไทย 2 ท่านคอยดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด หากใครที่ไม่ได้ภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นก็สามารถเข้าพักได้อย่างไร้กังวล
- THE FARM มีกิจกรรมหลากหลายที่ให้ผู้เข้าพักได้สนุกกับการมาค้างแรมที่นี่ ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล สามารถสอบถามหรือจองที่พักล่วงหน้าได้จากหน้าเว็บไซต์ https://fit.thefarm.jp/ (ภาษาไทย)
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง THE FARM ที่ไม่ควรพลาด
จบไปแล้วกับกิจกรรมหนึ่งวันภายในฟาร์ม และเมื่อวันถัดไปหลังจากเช็คเอาท์ (Check-out) ที่พักเรียบร้อยแล้ว หากใครที่มีเวลาเหลือ เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวดังต่อไปนี้
1. ย้อนเวลาไปสมัยเอโดะ (Edo Period) กับย่านเมืองเก่า SAWARA

หลายคนอาจจะรู้จักกับย่านซาวาระ (Sawara) เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติ ซึ่งย่านเมืองเก่านี้อยู่ห่างจาก THE FARM เพียง 20 นาทีเท่านั้นค่ะ ซาวาระนั้นได้ชื่อว่าเป็น “Little Edo” เมืองการค้าที่เคยรุ่งเรืองในสมัยอดีต และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “รอยฝันตะวันเดือด” ที่นำแสดงโดยมาริโอ้ ณเดชและญาญ่าอีกด้วย

เมื่อมาถึงย่านเมืองเก่าทั้งที กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “การเช่าชุดกิโมโนหรือชุดยูกาตะ” ซึ่งบรรยากาศเมืองนี้เข้ากับชุดญี่ปุ่นโบราณเป็นอย่างมากค่ะ โดยชุดกิโมโนมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป และยังมีบริการทำผมให้อีกด้วย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) สาวๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนที่อยากมีรูปสวยๆ เป็นที่ระลึกล่ะก็ขอแนะนำเลย

จุดไฮไลท์ในละครรอยฝันตะวันเดือดก็คือจุดนี้เลยกับสะพานจาจา (Jaja Bridge) ที่ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ทัศนียภาพอันงดงามของญี่ปุ่นที่ควรอนุรักษ์ไว้ โดยสะพานนี้จะมีน้ำตกไหลออกมาทุกๆ 30 นาที และยังมีบริการล่องเรือโบราณชมเมืองอีกด้วยนะ
2. ไหว้พระขอพรกับศาลเจ้าที่โด่งดังเรื่องชัยชนะ Katori Shrine

หลังจากไปเดินเที่ยวซาวาระกันแล้ว อีกหนึ่งจุด Power Spot ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่คนญี่ปุ่นก็คือศาลเจ้าคาโทริ (Kator Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่โด่งดังเรื่องชัยชนะ คมนาคมและภัยพิบัติ มีพื้นที่กว่า 123,000 ตารางเมตร และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,700 ปี จึงทำให้มีผู้คนนิยมมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ การงานกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากบริเวณศาลเจ้าหลักแล้ว ที่นี่มี Power Spot จุดอื่นที่น่าสนใจอีก ไม่ว่าจะเป็นต้นสนขนาดยักษ์ 3 ต้น ที่มีรากเชื่อมต่อกันเป็นต้นเดียว


หรือหากเดินไปด้านหลังศาลเจ้าก็จะพบกับร้านค้าญี่ปุ่นโบราณ ที่ให้บรรยากาศญี่ปุ่นสมัยย้อนยุค ซึ่งหาได้ยากในทุกวันนี้ ภายในร้านยังจำหน่ายทั้งเครื่องดื่ม ขนมดังโงะ ของที่ระลึกต่างๆ มากมาย โดยมีคุณลุงใจดีซึ่งเป็นเจ้าของร้านดูแลอยู่ หากใครไปเที่ยวศาลเจ้าล่ะก็ขอแนะนำให้แวะเวียนไปดูนะคะ แล้วจะตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่ว่าจริงๆ
การเดินทางสู่ THE FARM

หลังจากที่เราได้แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ THE FARM ไปแล้ว ข้อมูลที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือการเดินทางสู่ THE FARM ด้วยรถสาธารณะ โดยครั้งนี้เราจะขอแบ่งเป็น 2 จุดเริ่มต้นหลักๆ ที่คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยน่าจะใช้บริการกันเยอะ มีดังต่อไปนี้
1. การเดินทางจาก Narita Airport
จากสนามบินนาริตะมีรถบัสที่วิ่งตรงไปยัง THE FARM ได้เลย ซึ่งฟาร์มเป็นป้ายสุดท้าย โดยให้ขึ้นที่ป้าย 28-C จากสนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 2 (Terminal 2) เมื่อนั่งไปสุดสายรถบัสจะพาไปส่งถึงโซน Cottage ในฟาร์ม มีทั้งหมด 3 รอบด้วยกัน (ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า)
ตารางเวลา
- ออกจากป้ายรถบัสสนามบินนาริตะ เวลา 7:05 น. ⇒ ถึง THE FARM เวลา 7:46 น.
- เวลา 8:55 น. ⇒ ถึง THE FARM เวลา 9:36 น.
- เวลา 12:55 น. ⇒ ถึง THE FARM เวลา 13:36 น.
2. การเดินทางจาก Tokyo Station
จากสถานีขนส่งรถบัสโตเกียวยาเอสุ (Bus Terminal Tokyo Yaesu) ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้ายรถบัสคุริเก็น (Kurigen Bus Stop) จากนั้นทางฟาร์มจะมี Free Shuttle Bus มารับตรงไปยังที่พัก (รถบัสจากสถานีโตเกียวไปยังป้ายคุริเก็นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
บทส่งท้าย

THE FARM เป็นที่พักแนวใหม่ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และเหมาะสำหรับใครที่อยากเปิดประสบการณ์พักแกลมปิ้ง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีฤดูกาลที่หลากหลาย ทำให้ไร้กังวลเรื่องอากาศร้อนขณะไปพัก อีกทั้ง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่ต่างกับไปพักโรงแรมเลย หากใครที่มีเวลาเหลือก่อนเดินทางกลับไทย อย่าลืมใส่ THE FARM เข้าไปในแพลนของคุณกันนะคะ
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และใช้สำหรับการจองที่พักของ THE FARM : https://fit.thefarm.jp/ (ภาษาไทย) ※ กดเปลี่ยนเป็นภาษาไทยที่ด้านล่างซ้ายมือ
- Facebook ของ THE FARM : https://www.facebook.com/thefarm.th (ภาษาไทย)
- Instagram ของ THE FARM : https://www.instagram.com/thefarmth/ (ภาษาไทย)
อ่านข้อมูลญี่ปุ่นเพิ่มเติมได้ที่ https://go-graph.com/category/japan/