8 ที่เด็ดใน ญี่ปุ่น ท้าชน Golden Week Tips, 2016
อยากไป ญี่ปุ่น แล้ววต้องทำไงดี
เป็นที่กล่าวขานกันอยู่แล้วว่าการเที่ยวช่วง Golden Week ญี่ปุ่น เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก วันนี้เราเลยจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดดวงที่เราไปมาแล้วในช่วงนั้น พร้อม tips เล็กๆน้อยๆให้เตรียมตัวกัน เผื่อว่าใครจะไปปีหน้าไป ญี่ปุ่น จะได้ตั้งท่ากันตั้งแต่เนิ่นๆไม่มีพลาด
Golden Week Tips
เตรียมตัวเตรียมใจกันให้พร้อมก่อนออกเดินทางใน ญี่ปุ่น เราควรทำอย่างไรบ้าง เริ่ม!
-Planing : การวางแผนที่เที่ยวและขบวนรถไฟ
ทำแพลนเที่ยวมาให้เรียบร้อยว่าต้องขึ้นขบวนไหนบ้างโดยเฉพาะออกนองเมืองด้วย Shinkansen
-Booking : การจองตั๋วรถไฟ
รีบจองตั๋วที่เป็นขบวน Reserved Seat ให้เรียบร้อยตั้งแต่ถึงญี่ปุ่น ที่ JR Ticket Office (ในกรณีคนที่ใช้ JR Pass)
*ถ้าจองไม่ทัน
- ให้มาถึงก่อนเวลารถออก 1.30 ชั่วโมง (อย่าแข่งเรื่องเวลากับคนญี่ปุ่น ไม่งั้นได้ยืนแน่ๆ)
- สถานีรถไฟเปิดประมาณ 4.40am (แล้วแต่สถานี) JR local line พร้อมวิ่งหลังสถานีเปิด
- ขบวน Shinkansen เปิด 5.30 (แต่ก็ต้องรีบมาเพื่อมาต่อคิวรอเปิดอยู่ดี)
- มาถึงก่อนเวลา ก็ให้รีบต่อคิวหน้าทางกั้นเลย สำหรับ JR Pass ก็ให้ต่อช่องติดกับตู้พนักงานเลย
- ระหว่างรอให้ศึกษาลู่ทาง และอ่านบอร์ดให้ดี เช่น ต้องไปชานชาลาไหน ตู้ไหน Non-Reserved
- ต้องตื่นตัวตลอดเวลา รอบรถไฟอาจมีการเปลี่ยนแปลง (อาจจะเพราะสภาพอากาศ หรือ อื่นๆ) จากขบวน Express เป็น Local (พนักงานจับเราซื้อเราซื้อ 2 ใบแบบงงๆ แต่ refund ได้ )
- ไปยืนรอที่คิว ที่ชานชาลา ที่ป้าย ตรงไหนที่คิดว่ามั่นใจแล้ว ลองถามพนักงาน คนแถวนั้น ย้ำอีกซักทีไม่เสียหาย (มีประโยชน์จริงๆ เราอาจจะไม่ต้องเสียเวลารอคิวแบบไม่รู้สาเหตุ อุปทานหมู่ก็เป็นได้)
-Queuing : การต่อแถวที่ชานชาลา
- ดูบอร์ดกลางที่ชานชาลาว่า Car ไหน เป็น Non-Reserved ได้ที่ช่องสุดท้ายหลังชื่อขบวน เช่น Non-Reserved 1 ~ 4
- ไปยืนต่อแถวตาม ช่อง Non-Reserved Car
- สติ๊กเกอร์ที่พื้น 1st 2nd หมายถึง การต่อแถวสำหรับขบวนต่อไปที่จะมาขบวนแรก(1st) ขบวนถัดไป (2nd)
- ในกรณีที่ขบวนก่อนหน้าสั้นกว่า จนไม่มาถึง ชานชาลาเลขที่เรารอ
ตามทฤษฎี – ให้ต่อที่ 1st ได้เลย (เพราะเมื่อคันนั้นออกไปแล้ว ขบวนเราจะเป็น 1st ทันที
ทางปฏิบัติ – 1st or 2nd เหมือนกันเพราะต้องแย่งกันขึ้น - ย้ำ ขอให้ไวต่อสถานการณ์ หูตาไวเสมอ และช่างสังเกต สอบถามพนักงานและคนแถวนั้นเพื่อความชัวร์หลายๆคน หลายๆรอบ
-Preparing : สิ่งที่ควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอในมือถือ เช่น
- Japan rail map app
- Hyperdia app (andriod) / website save in homescreen (ios)
- Google Map > เตรียมทำแพลนปักหมุดที่เที่ยวมาให้พร้อม เช่น https://goo.gl/8jygso (ไม่รู้จะเริ่มยังไง http://goo.gl/009YSy )
- เปิด Roaming ไปก่อนเลยเพื่อความชัวร์ (ทริปนี้ขอขอบคุณ Happy Roaming จาก Dtac ที่ทำให้เรา สามารถปรับตัวกับการรถไฟญี่ปุ่นได้ทันทีตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะช่วง Golden Week ใครเร็วคนนั้นรอด!)
ข้อดี
- Sim หาซื้อง่ายตาม 7-11
- สมัครง่ายมาก สามารถโทรออก ไปสมัครแพคเกจที่ต้องการใช้ได้ที่ต่างประเทศเลย (แต่ต้องเปิดInternet Roaming ไปก่อนนะ โดยกด *118 โทรออกหรือ call center จ๊ะ)
- ใช้เน็ทเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีหลุด เพราะคิดเป็นแพค/วัน
- นับ 24 ชั่วโมงจริง จากเวลาที่สมัคร
- เน็ตไม่รั่ว เพราะช่วยระงับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ทันทีเมื่อใช้งานนอกเครือข่าย
- สำหรับใครที่สนใจ Roaming แบบเติมเงิน ตอนนี้มี 3 Package หลัก 1วัน/3วัน/5วัน
*ราคาของแต่ละแพคเพจต่างกันตามประเทศที่ไปอ่านให้ดีๆก่อนนะ
*เลือกเครือข่ายตามที่กำหนด
*แพคเกจนี้สำหรับ data roaming เท่านั้น ไม่รวมค่าโทร
รายละเอียด Happy Roaming : http://www.dtac.co.th/prepaid/services/roaming/package/unlimited.html
วิธีการใช้งานง่ายๆ
1.โทรหา Call center 1678 ให้เปิดใช้บริการ Internet Roaming (หากโทรไปแล้วคู่สายไม่ว่างสามารถส่งแมสเสจสิ่งที่ต้องการไปที่ 16789 ได้เลยโดยไม่ต้องรอคุยกับพนักงาน) เลิศคะ
2.พอไปถึงที่ ประเทศนั้นๆ สามารถกดสมัครแพคเกจด้วยการโทรออก เลือก แพคเกจได้ตามใจ เช่น *104*761#โทรออก
3.เลือก Operator สัญญาณ ที่ สามารถใช้ Package ได้ ตามที่ระบุ เช่น ญี่ปุ่น ได้ทุกเครือข่าย, ฮ่องกง สามารถเลือก Smartone เป็นต้น จะไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้
เงื่อนไขการใช้บริการ :
- ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะบริการก่อนเดินทางทุกครั้งได้ที่กด *1018
- ลูกค้ากรุณาเติมเงินและวันให้เพียงพอสำหรับการใช้งานในต่างประเทศก่อนออกเดินทาง
- สำหรับผู้ใช้บริการโทรศัพท์แบบเติมเงินในระบบ 1800 จากดีแทค และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ที่เปิดใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ และสมัครที่โทร. 1678 dtac call center หรือสำนักงานบริการลูกค้าดีแทคเท่านั้น
- แพ็กเกจ data roaming 1 แพ็กเกจ สามารถใช้งานได้ 1 ประเทศเท่านั้น
- การใช้งาน data roaming สามารถใช้งานบนเครือข่าย 2G และ 3G เท่านั้น
- อัตราค่าบริการเสริมนี้สามารถใช้งานบนเครือข่ายและประเทศที่กำหนดเท่านั้น ลูกค้าจะไม่สามารถใช้งานดาต้าโรมมิ่งนอกเครือข่ายที่ระบุไว้
- กรณีบริการเสริมหมดระยะเวลารับสิทธิ์ และ/หรือมีการใช้งาน data roaming ในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจาก 43 ประเทศของรายการส่งเสริมการขายลูกค้าจะไม่สามารถใช้งานดาต้าโรมมิ่งได้
- ประเทศ ออสเตรเลีย, บังคลาเทศ, สาธารณรัฐเช็ก,เดนมาร์ก, คาซัคสถาน,ลักเซมเบิร์ก, มอนเตเนโกร, เนปาล, และ เซอร์เบีย สามารถใช้งานได้สำหรีบลูกค้าที่โอนย้ายไปใช้โครงข่ายใหม่ภายใต้ ดีแทค ไตรเน็ต เท่านั้น
- สามารถสมัครแพ็กเกจนี้ได้โดยระบบจะตัดค่าบริการผ่านเงินในบัญชีทันที
- แพ็กเกจ data roaming จะเริ่มต้นใช้งานได้ทันทีหลังจากที่มีการสมัคร และจะสิ้นสุดในเวลาเดียวกันของวันถัดไปตามเวลาในประเทศไทย
- แพ็กเกจที่ใช้งานภายในประเทศทุกแพ็กเกจ ไม่รวมการใช้งานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นขณะอยู่ต่างประเทศ
- อัตราค่าบริการข้างต้นนี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือจะโหลดคู่มือเดินทางเก็บไว้ก็ได้นะ http://www.dtac.co.th/document-upload/roaming/IR_Booklet_TH.pdf
lecture กันมาซะยาวยืด เราออกไปเที่ยว 8 ที่เด็ดในญี่ปุ่น กันเถอะ!
1.Kawagoe
ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากความเป็นเมือง Tokyo แต่ไม่อยากเดินทางไกล ลองนั่งรถไฟออกไป Kawagoe แบบ Day Trip ดู สามารถเดินได้ตั้งแต่ออกจากสถานีรถไฟผ่านตลาดเส้นหลักของมีของขายมากมายแบบสมัยใหม่ แต่ถ้าเดินรอบนอกจะเห็นบรรยายกาศ อาคารบ้านเรือแบบเก่าๆ วัด พร้อมของกินเพียบตามทางจนไปถึงถนน Candy Alley เรียกว่าเพลินตา เพลินใจ กันเลยทีเดียว
Tip
เดินทาง : ประมาณ 1 ชั่วโมง (Tokyo-Kawagoe) JR local line
ร้านกิน : Menyairo (Ramen)
ของดัง : มันหวานทั้งสดและแปรรูป
2.Hitachi Seaside Park, Ibaraki
จุดเด่นของ Park นี้คือ ทุ่งดอกไม้สีฟ้า Nemophila เหมาะเป็นที่ทำกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว เพราะนอกจากดอกไม้ของคุณแม่แล้ว ยังมีสวนสนุกสำหรับคุณลูก และ ที่เช่าจักรยานขี่รอบพาร์คสำหรับคุณพ่อ หรือจะชวนอากงอาม่ามานั่งปิคนิคในสวนก็ยังได้ เรียกว่าสามารถไปอยู่ได้ทั้งวันเลย สำหรับของกินก็มีขายเป็นพวกราเมง ส่วนไอติมก็มีให้เลือกหลายสีและรส ถ้าใครไม่อยากเดินเยอะ เค้าก็มีบริการรถ Tram วิ่งรอบ Park ให้ (ซื้อตั๋วรอบเดียวขึ้นลงตามใจชอบ)
Tip
เดินทาง : นั่งรถไฟ ประมาณ 1.30 ชม (Express Train, Tokyo-Kusuta) + bus 15 นาที
( http://en.hitachikaihin.jp/access.html )
ค่าเข้า : 1,200 yen (รวมค่ารถบัสไป–กลับจากสถานี Katsuta และบัตรค่าเข้าแล้ว) ซื้อได้ตอนออกมาจากสถานที Kusuta บริเวณรถบัส
เวลา : ไปถึงช่วงเช้า เช่าจักรยานขี่ (เผื่อเวลาเยอะๆ เพื่อหาทางออกตอนกลับ และ เวลาขึ้นรถไฟกลับด้วย )
–เช่าจักรยาน (3 hrs) 310 yen/คน
– ขึ้นรถ Tram ทั้งวัน กี่รอบก็ได้ 500 yen/คน
Map : http://en.hitachikaihin.jp/guidemap.html
3.Daikan-yama,Tokyo
แหล่งฮิปอีกแห่งสำหรับคนชอบของดีไซน์ มีสไตล์ ไลฟ์สไตล์ คาเฟ่ แค่เดินเล่นย่านนี้ก็ฟินแล้ว มีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ของมือสอง ทั้งแบรนด์ local และแบรนด์ดังๆ โอ๊ยมาเถอะ ปิดราวๆ 3 ทุ่ม
Tip
เดินทาง : ใช้ชัตร JR Pass ไม่ได้ ต้องไปลง Shibuya แล้วไปต่อ Daikan-yama Metro (1 สถานนี)
4.Takayama
เป็นอีกเมืองสำหรับคนชอบบรรยากาศญี่ปุ่นแบบคลาสิคๆ จากสถานทีสามารถเดินไปถึงย่าน Old Town ได้เลยชิวๆ ชมเมืองได้สบาย หรือใครจะเช่าจักรยานขับก็ได้นะ แต่เราแนะนำให้เดินเอาจะสะดวกกว่า เพราะต้องเดินไป ชิมไปตลอดทาง ไม่รู้จะเอามือไหนขี่จักรยานแล้วเนี่ย555 ถ้าถามว่าร้านไหนอร่อยก็ดูคิวร้านนั้นเลยจ้า แต่ที่ห้ามพลาดเลย คือ เนื้อ hida ตามชื่อเมืองเก่า
Tip
เดินทาง :
Shinkansen Train > Tokyo – Toyama – Takayama
Express Bus > http://www.nouhibus.co.jp/english/highwaybus/
กิจกรรม : เดินได้ทั้งเมือง มี map ภาษาไทยจ้า ถ้าเมื่อยก็มีบ่อแช่เท้าสาธารณะให้ด้วยนะ
เวลา : ถ้ามีโอกาสได้นอน ซัก 1 คืนก็จะพอดีๆ (มาถึงบ่ายๆเดินเล่นรอบเมือง ตอนเช้าแวะตลาดเช้าก่อนกลับ)
ร้านกิน : Kyoya ร้านเนื้อ Hida ขอให้ลอง คนญี่ปุ่นแนะนำเอง ราคาเอื้อมถึง รสชาตินุ่มลิ้น (ต้องจองเพราะคนแน่นตลอด)
5.Hida Folk Village, Takayama
อีกโซนท่องเที่ยวในเมือง Takayama เรียกว่าเป็นโซนหมู่บ้านที่เค้าเก็บรักษาไว้เป็น Open Air Museum ให้เราเข้าไปชมวิถีชีวิต อาคารบ้านเรือน ส่วนอาชีพหลักในสมัยนั้น คือ งานไม้และงานทอผ้า บรรยากาศในนั้นสวยมากๆ เค้าบอกว่าสวยทุกฤดูอะนะ ก็เลือกเอาจะมาช่วงไหน พื้นที่จริงๆไม่ได้ใหญ่มากแต่ถ่ายรูปเพลินทุกมุม นอกจากนั้นยังมี Live Music โชว์ มาเล่นเครื่องดนตรีโบราณกันสดๆให้เราชมเป็นรอบๆด้วย
Tip
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 700Yen/ เด็ก 200Yen
เดินทาง : ถ้าใครขี้เกีจเดินไปจากสถานี (30 นาที) สามารถเรียกรถ Taxi จากหน้าสถานีไปส่งได้เลย (15 นาที 700-800 Yen)
ใช้เวลา : ประมาณ 1-2 ชั่วโมง (แล้วแต่คน)
อาหาร : ข้างในไม่มีขายอาหาร แต่ถ้าเดินออกมาจากหมู่บ้านจะมีอยู่ 2-3 ร้าน คนเยอะ แนะนำให้เดินลงมาหาอะไรกินในเมือง หรือ โซน Old Town (แถวนั้นคนเยอะ ช้า รสชาติเฉยๆ)
6.Tateyama Alpine Route
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกำแพงหิมะอันนี้ วิถีการเที่ยวจะให้ฟิวแบบเกมส์ผ่านด่าน check point จุดต่างๆ ตามเส้นทางไปเรื่อยๆเกาะกลุ่มกันไปตลอดทาง ยิ่งเป็นช่วย Golden Week ที่เป็นที่นิยมของทั้งทีมเย้าและทีมเยือน ดังนั้น เราควรเผื่อเวลาไปถึงเช้าๆจะได้ค่อยๆเที่ยวชมเก็บให้ครบทุก station
Tip
ค่าเข้า : JR มี promotion เหลือ 9,000 yen จาก 12,090 yen
(อ่านต่อ http://www.jreast.co.jp/e/tateyama_kurobe/ )
*เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางจาก ฝั่ง Nagano – Toyama หรือ Toyama – Nagano ก็ได้ ข้อแม้เดียวของบัตร Promotion นี้คือ one way ticket (สามารถซื้อบัตรแยกได้ แบบไม่ต้องไปสุดอีกทาง)
*สำหรับคนที่จะเดินทางไปต่อ Nagano ควรไปถึง Tateyama ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรถ Express Bus รอบสุดท้าย 16.30 ไปส่งที่เมือง Nagano ฟรี (สำหรับตั๋ว Promotion) แต่ถ้าพลาดแล้วเค้าไปส่งแค่สถานี Shim-Omachi แล้วต้องหารถต่อไปเอง (Taxi to Nagano: 14,000 yen ต่อ 3-4 คน /1 ชม)
เวลา : ไปให้ถึงเร็วสุดเท่าที่จะทำได้ หรือ คืนก่อนหน้าไปนอนรอในเมืองนั่นเลยก็จะดี โดยเฉพาะสำหรับใครที่เดินทางแบบ one way แล้วต้องแบกกระเป๋าไปด้วยตลอดทางควรรีบไป drop กระเป๋า เค้ามี service ให้ไปส่งปลายทาง (อ่านต่อ http://www.alpen-route.com/en/transport_new/baggage.html )
กิจกรรม : มี Map ภาษาไทย และ ควรขอตารางเวลา (arrival / departure ของพาหนะด้วย)
7.Nagano
เมืองแนะนำเลยว่าต้องมาจริงๆ จากสถานีรถไปเดินเข้าไปย่านเมืองเก่าแถววัดใหญ่ Zenkoji Temple ประมาณ 15 นาที จะได้สัมผัสถึงความเป็นเจแปนนิสเค้าเจอร์จริงๆ มีศาลเจ้าไหว้พระ เข้าอุโมงค์ใต้วัด และ มีที่พักแบบ Ryokan ให้แช่ Onsen อีก ฟินมากๆ เหมาะสำหรับทั้งคู่รักหนุ่มสาวมาเดท หรือจะวัยอาวุโสจะมา Anniversary ก็ยังได้ สำหรับเรื่องของกินขึ้นชื่อของแถบนี้ก็ต้องเป็นเส้นโซบะ มีร้านเยอะมาก บางร้านออกมาทำโชว์กันหน้าร้านเลยก็มี
Tip
เดินทาง :
Express Bus from Shinshuku > http://www.alpico.co.jp/access/express/nagano_shinjuku/
Shinkansen Train > Tokyo – Nagano
ของกิน : ร้าน Kitamoya (ร้านนี้ป้ายไม่มีภาษาอังกฤษต้องถามคนแถวนั้นเอา)
ของดัง : แถบนี้เค้าดังเส้นโซบะ และ แป้งสีน้ำตาลไส้ถั่วแดง และอื่นๆ มีมากมายหลายแบบ
เวลา : นอนค้าง 1 คืนกำลังดี
ที่เที่ยวอื่นๆ : Prefectural Shimano Art Museum, Higashiyama Kaii Gallery, Toyama Park
8.Kusatsu Onsen
สำหรับคนชอบ Onsen ตัวจริง ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่นเองด้วย อาจจะเดินทางลำบากไปนิสเพราะต้องไปต่อบัส (2.30 ชม) ด้วย แต่รับรองว่าขึ้นไปบนนั้นคุ้มแน่นอน มีเส้นทางธรรมชาติให้เดินและเอาขาจุ่มบ่อน้ำแร่ร้อนๆ เดินแวะชิมของกินตามร้านต่างๆ รอชมโชว์กวนน้ำแร่ อย่าลืมยกมืออาสาไปลองกวนน้ำเองด้วยนะ ขำๆ ช่วงเย็นกลับเข้าที่พักนอนแช่ออนเซ็น ชีวิตดีได้อี๊ก
เมื่อลงสถานี Kuraizawa แล้วไปต่อรถบัส จะมีป้ายลงเป็นระยะตลอดทาง ตั้งแต่แหล่งช็อปปิ้ง ของกิน และที่พัก ถ้าเราเลือกลงตรงป้ายไหนก็จ่ายตามราคาที่ลง บัสวิ่งเป็นรอบๆ ตั้งแต่ 8.09-17.20 เท่านั้น (อย่าลืมเช็คตารางบัส) ระวังเดินเพลินจนอดขึ้นไปบน Kusatsu Onsen ป้ายสุดท้ายนะ แนะนำว่าขึ้นไปบน Kusatsu Onsen ก่อน ถ้าจะแวะตามทางขากลับเผื่อเวลาเยอะๆค่อยลงก็ได้
Tip
เดินทาง :
Train > มาลงสถานที Kuraizawa (Hokuriku Shinkansen from Tokyo / 70 mins ) – ต่อรถบัสไป Kustasu Onsen (2.30 ชม / 2,200 yen/เที่ยว)
*ตารางรถบัส (เผื่อเวลาขึ้นรถไฟด้วย ซัก 30 นาที บัสคนขึ้นลงเยอะจะเลท)
http://www.kusatsu-onsen.ne.jp.e.uh.hp.transer.com/access/train03.php
ของกิน : โซบะ Toyama, Hakukoutei (柏香亭) (Soba/Udon/Donburi), Mikuniya (三國家) (Soba/Udon/Traditional Japanese) *บอกเลยว่าทุกร้านต้องไปต่อคิว ร้านปิดช่วงบ่าย ตอนประมาณ 14.30
ไอติมโซบะ , ไอติมงา, ไข่ออนเซ็น
กิจกรรม : เดินเล่นชมเมือง เดินกิน เดินเส้นทางธรรมชาติ(เดินออกไปทาง Kusatsuanamoriinari Shrine) มีแช่เท้า (พกผ้าเช็ดเท้าไปด้วยนะ)
ดูโชว์กวนน้ำแร่ : 9.30,10.00,10.30 / 3.30,4.00,4.30 (600 yen)
เวลา : นอนค้าง 1-2 คืนกำลังดี ชิวๆไม่รีบ แต่ถ้ารีบวันเดียวก็เก็บหมด
สุดท้าย
ขอบคุณที่คนที่ติดตามพวกเราเช่นเคย
หากมีเวลาขอให้ออกเดินทางอย่าได้กลัวอุปสรรค์ใดๆ
ความพร้อมและกำลังใจที่ดี คือ ทางออก
..ตราบเท่าที่เรายังวัยรุ่น สนุกกับมันเถอะ!
