Japan North – South : EP2 Otaru

3 พฤศจิกายน 2555 (เสาร์)

วันนี้เป็นเช้าแรกที่เราอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ เรายังคงอยู่ที่ซัปโปโร แต่วันนี้เราจะนั่งรถไฟออกนอกเมืองไปยังเมืองชื่อ Otaru ถ้าใครมาฮอกไกโดรับรองจะต้องไม่พลาดเมืองนี้กันแน่แท้เพราะทุกทัวร์จะพาไปชมคลอง กินซูชิ กินอยู่อย่างราชาค่ะ ส่วนแก๊งเรามาเพราะ จขกท.อยากมาตามรอยการ์ตูนเรื่อง ไอ้หนูซูชิ ที่ตัวเอกบ้านเกิดอยู่ที่ Otaru ค่ะ ดังนั้น เชิญพบโอตาคุ ณ โอตารุเลย /

บรรยากาศยามเช้า ออกจากบ้านเราเพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดิน

otaru

การมาเที่ยว Otaru ยิ่งตื่นเช้ามากเท่าไหร่ ชีวิตยิ่งคุ้ม เราก็ออกเลยตั้งแต่ 6 โมงกว่า

จากโฮสเทลเรา Sapporo Inn NADA ที่เขาโม้ว่าอยู่ใกล้สถานี susukino (ย่านเจริญสุด) มาก

เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ใกล้หรอกค่ะ เดินพอประมาณ แต่วันนี้ชิวไง ก็เลยโอเค

เดินสักพักก็ถึงทางลงใต้ดิน เราก็นั่งใต้ดินจากสถานี susukino ไป JR Sapporo ค่ะ

otaru

แล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟ Sapporo วันนี้เปิด JR Pass วิธีใช้ก็ง่ายค่ะ ไม่ต้องไปต่อคิวตื้ดบัตรกับชาวบ้านเขา

เราโชว์บัตรเท่ๆของเราให้พนง.ดู เขาก็อาริกาโตะเราใหญ่เลย หลังจากนั้นก็แค่ดูว่า ขบวนรถที่เราจะขึ้นอยู่ชานชาลาไหน

เวลาเท่าไหร่รอขึ้นได้เลย แนะนำว่า เวลาที่เขาบอกคือเวลารถออกจริงๆ ถ้าเราไปถึงก่อนไปที่ชานชาลาก็ได้ค่ะ

รถไฟอาจจะมาแล้ว ก็ไปนั่งชิวๆสู่ Otaru กันเลย

ส่วนพวกเราระหว่างรอรถไฟ ก็ตื่นตาตื่นใจกับตู้กดน้ำ มันเยอะมาก

มีหลายยี่ห้อ คือแค่ดูให้ครบทุกตู้ก็น่าตื่นเต้นจะแย่แล้ว ยิ่งอากาศหนาวๆกดกาแฟร้อนๆมานะ มีฟิน

รถไฟมาแล้ว ข้างในรถไฟโอเคเลย หน้าตาดูดี สาระนิดหน่อย

จากซัปโปโรสามารถนั่งรถไฟ local ไป Otaru ได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีรถไฟหลายรอบมาก

เพราะงั้นไปง่าย กลับง่าย สบาย ถ้าใครอยากเช็ครอบรถไฟแนะนำเวบ http://www.hyperdia.com/

มันยอดมากค่ะ (ไว้จะมาเล่าถึงการใช้อีกที แต่ในพันทิพมีคนสอนเยอะแล้ว ลองใช้กันดูสนุกดีค่ะ)

ระหว่างทางนั่งไปก็ออกนอกเมืองไปเรื่อย สองข้างทางก็ชิว รถไฟก็เลียบทะเลอีก มีสายรุ้งด้วย อะคุ้มละ

Otaru

ถึงแล้วค่ะ Otaru เมืองนี้จากไกด์บุคทุกเล่ม + การ์ตูนที่อ่าน เป้าหมายเรามีอยู่ 5 อย่าง

1.คลอง 2.ซูชิ ปลาดิบ 3.เครื่องแก้ว 4.ตลาดเช้า 5.หีบเพลง ถ้าวันนี้ภารกิจครบหมด

เป็นอันจบที่เหลือได้ของแถม

otaru

หน้าสถานีรถไฟก็ถ่ายรูปคู่หน่อย สั่นกระดิ่งนิดนึง มาแล้วๆ

จากหน้าสถานีเราก็โง่เดินเลยค่ะ จริงๆแล้ว ถ้าใครมาถึงไม่อยากพลาดตลาดเช้าก็

จากสถานีอยู่ด้านซ้ายเลยค่ะ ส่วนพวกเราไม่รู้จ้ะ ก็เดินตรงมันไปเรื่อย

เป้าหมายของเราคือ Lawson การกินอยู่อย่างประหยัดของเราเริ่มขึ้นแล้วค่ะ !!

Otaru

จากงบประมาณที่กะไว้คือ ควรกินวันละ 1800 เยน (มื้อละประมาณ 600 เยน ซึ่งอิ 600 เยนนี่มันก็มากมายอยู่นะอยู่ที่ว่าเราจะเลือกกินเกรดแบบไหน)

ยาจก – 100-500 เยน ก็ Lawson เลยค่ะ มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ข้าวปั้นทุกหน้า โอเด้ง นมฮอกไกโด น้ำ ขนมปัง ไก่คาราอาเกะ ก็ตามพระทัยเลย ปกติ

– 500-1000 เยน ก็ร้านอาหารปกติค่ะ มีตั้งแต่ร้านข้าวหน้าเนื้อเฟรนไชส์ / ร้านอุด้ง โซบะ ราเมง /

ร้านข้าวหน้าต่างๆ แถมซุปมิโซะด้วยดูราคาตามป้ายหน้าร้านโลด ราชา

– 1000 เยนขึ้นไป เรานับว่าราชาแล้วค่ะ ถ้าเกินพันเยนคุณจะได้ ชุดอาหารอย่างดี

คุณภาพดี จัดมาเป็นเซ็ท กินดีอยู่ดีนั่นแหละ มื้อแรกของวันเราจึงเลือก ยาจก ค่ะ

ณ Lawson ซื้อมาเลยข้าวปั้นคนละก้อน เดินมานั่งกินชิวๆชมใบไม้แดงเพิ่มมูลค่าข้าวปั้นนิดนึง (แต่ก็อร่อยแล้วนะ คือแบบอร่อยอะ)

otaru

จากสถานีรถไฟแวะซื้อของกิน เดินมาอีกนิดเราก็จะเจอทางรถไฟสายเก่าค่ะ วิวสวยงาม ใบไม้แดงน่าตื่นเต้น

เดินไปเรื่อยจนสุดทาง เรายังคิดว่าจะเจอตลาดเช้าอยู่ (ทั้งๆที่เลยมานานละ)

ก็ยังหามันต่อไป เจอร้านคุณลุงคุณป้าขายของ ขายผัก บ้างก็ยังดี

เราก็เดินไปเรื่อย ตอนเช้าเวลาเราเยอะ ร้านขายของก็ยังไม่เปิดกัน ก็เดินไปเรื่อยจนไปเจอศาลเจ้าบนเขา

เราก็เดินขึ้นไป ศาลเจ้าชื่อ suitengu ถ้าดูจากแผนที่แล้วสถานีรถไฟอยู่ด้านล่าง ศาลเจ้าอยู่ขวาบนค่ะ ไกลมาก

Otaru

แต่ศาลเจ้าถือเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ แถมวิวบนศาลเจ้ายังเห็น Otaru เกือบทั้งเมือง

otaru

โอตารุ เมืองท่าจริงด้วย !

ศาลเจ้า suitengu 水天宮 ยามเช้าค่ะ วิวงามจริงๆ

หลังจากศาลเจ้าเราก็เดินกลับเข้าเมืองอีกครั้ง เดินตามคนเขาไปเราก็ไปทะลุถนนซาไกมาจิ

ถนนนี้ดังมากในหมู่นักท่องเที่ยว มันต้องมาจริงๆ ไฮไลท์จริงๆ เราไปแล้วมันเด็ดจริงค่ะ

ถนนนี้จะมีร้านขายของสองข้างทางมากมาย ตั้งแต่ร้านไอติม อาหาร ช็อคโกแลต หีบเพลง เครื่องแก้ว เครื่องหนัง

ร้านแรกที่เราเข้าไปคือ ร้านสาหร่าย (คือจะเข้ามาทุกร้านไง มันสวยไปหมด) คนญี่ปุ่นนี่เขาเจ๋งจริงตรงที่ทุกคนเกิดมาเพื่อบางอย่าง

เช่นคุณลุงเจ้าของร้านสาหร่าย ก็เป็นคนจริงจังกับสาหร่ายไปทุกอย่าง

ร้านคุณลุงจึงมีผลิตภัณฑ์แทบทุกอย่างของสาหร่าย (แน่นอนมีให้ชิมฟรี เสร็จโจร) มีตั้งแต่ สาหร่ายจริง

สาหร่ายต้ม สาหร่ายทอดกรอบ(แต่ไม่เหมือนแบบบ้านเรานะ) ลูกอมสาหร่าย ชาสาหร่าย คือมีครบ เราก็ชิมครบ

สุดท้ายซื้อสาหร่ายมาห่อนึงแบ่งกันกิน มันอร่อยจริงๆนะ

Otaru

สาหร่ายจบก็ถึงตาไปชิมฟรีอาหารทะเล ถนนนี้มีตลาดสดด้วยค่ะ

ประเด็นคือ ชิมปลาแซลมอนฟรี ปลาหมึก อิคุระ ฟรีหมด เสร็จโจรอีก โปรดสังเกตด้านบนของภาพจะพบแก๊งชิมฟรี

จากการอ่านการ์ตูน ไอ้หนูซูชิ มา เขาบอกกันว่า Otaru นั้นเป็นเมืองที่อาหารทะเลสดที่สุด ซูชิอร่อยที่สุด

(ถึงขั้นมีถนนซูชิ แต่เราคงอดกินเพราะเรากินอยู่อย่างประหยัดค่ะ) ปูก็ตัวใหญ่ ปลาก็เยอะ

ชิมฟรีก็เยอะ เราภาคภูมิใจกันมากจริงๆ

ของเด็ดต่อไป เป็นโมจิกับมันย่าง กินกับเนย โมจิกับเนยนี่มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจริงๆ 300 เยนเท่านั้น !!

ยังคงชิมฟรีต่อไป ปลาแซลมอนย่าง ชีวิตดีมีความสุขจริงๆ กินอยู่อย่างประหยัด

Otaru

ของเด็ดต่อมา ไอติมค่ะ มาฮอกไกโด ต้องมากินไอติม นมเป็นนมค่ะ !

Otaru

หลังจากกินจนอิ่ม เราก็ออกเดินอีกครั้ง ถนนเส้นนี้ดีจริงๆ ร้านต่อมาเป็นร้านช็อคโกแลตค่ะ

แค่เราเดินเข้าไปในร้านเขาก็ให้เราชิมฟรีแล้วค่ะ เดินหมดถนนนี่เป็นอิ่มแท้

otaru

ดูเรื่องมีสาระกันบ้าง เป็นร้านเครื่องแก้วค่ะ เขาก็มีโชว์เป่าแก้วให้ดู ถือว่าเราได้มาชมแล้ว สะสมแต้ม 1 ใน 5 สิ่งที่ต้องเจอ

Otaru

ต่อมาเริ่มจะสุดถนนแล้วค่ะ ช่วงหลังๆของกินจะหายไป ร้านส่วนใหญ่จะขายหีบเพลง เราก็เดินเข้าไปฟังเพลง กินอิ่มนอนหลับ

โอตารุเป็นเมืองท่า ตะก่อนเจริญยิ่งกว่าซัปโปโรแต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเมืองนี้เลยกลายเป็นเมืองคลาสสิคไปเลย

ตึกรามบ้านช่องก็ยังคลาสสิค เป็นเมืองโรแมนติกมาก คู่รักมานี่รับรองรักกันหวานชื่น

หัวมุมถนนจะมีหอนาฬิกาอยู่ ทุก 15 นาทีจะมีไอน้ำออกมาด้วย ไฮไลท์ของที่นี่เขาค่ะ

ในที่สุดเราก็เดินจนสุดถนนแต่แบบนอกเส้นทางยังน่าเดินต่ออีก

เจอร้านขายของเล่นน่ารักมาก ใครจะไปร้านอยู่แถวหอนาฬิกาเลยค่ะ เข้าไปดูข้างในกัน

ร้านนี้น่ารักและแพง ถ้าเปิดเมืองไทยคงเจ๊ง แต่น่ารักจริงจัง

คุณเจ้าของร้านใจดีให้ซานต้ากระดาษมาด้วย ที่ญี่ปุ่นนี่ยังไม่ทันจะคริสมาสต์เลย บิ้วกันมาก แทบจะเปิดจิงกาเบลกันหมดทั้งเมืองละ

เราออกจากร้านของเล่นก็มาร้านหีบเพลงต่อ ร้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น museum เลยนะคะ

ดังที่สุดในโอตารุ ในร้านก็นั่นเลย คริสมาสต์ที่สุด บอกแล้วเมืองนี้โรแมนติกจริงๆ

Otaru

ร้านนี้ขายของที่ระลึกเยอะมาก เลือกกันไม่ถูก (แต่เราไม่ซื้อก็ดีไม่ต้องเลือก)

มีหลายชั้นอีกตังหาก ของกระจุกกระจิกน่ารักไปหมด อย่าให้ถึงช่วงคริสมาสต์นะ เลิศ

ที่นี่เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ด้วยค่ะ มีโมเดลจำลองเอย เครื่องเล่นแผ่นเสียง

ของที่คลาสสิคทั้งปวงรวมกันอยู่ที่นี่ อย่างโมเดลอันนี้ น่ารักมาก ดีเทลสุดๆ

ถ้าแก๊งโอตาคุอย่างเราไปญี่ปุ่นถือเป็นสวรรค์มาก เพราะแค่ถ่ายคู่กับรูปตัวการ์ตูนหุ่นนี่ก็แทบจะหมดวันแล้ว

ประเด็นหลักคือ มันมีทุกเมือง !! สนุกมาก

otaru

เราเดินวนกลับอีกฝั่งของถนนซาไกมาจิ ร้านรวงก็ยังเยอะเหมือนเดิม ที่นี่บอกอีกทีว่าแนะนำจริงจัง

เดินเข้าร้านนี้ออกร้านนู้น ร้านช็อคโกแลต บางอย่างก็มีให้ชิมฟรี บางอย่างก็ไม่มี คือแค่เดินเล่นเราก็มีความสุขแล้ว

ได้เวลาอาหารที่รอคอย ของคาวของหวานครบ หน้าตลาดที่เราไปชิมฟรี เริ่มขายของปิ้งๆให้กินแล้ว

จัดหนัก ข้าวหน้าปลาดิบ เฉลี่ยชามละประมาณ 700-1400 เยนค่ะ อยู่ที่เรากิเลสเยอะแค่ไหน

เราสามคนก็สั่งไม่เหมือนกัน แซลมอน ทูน่า หอยเม่น จัดหนัก (ไหนบอกกินอยู่อย่างประหยัด)

กินเสร็จก็จ่ายนะจ้ะ จนกันไปเลยจ้ะ ส่วนใหญ่เวลากินข้าวเราจะเลือกร้านเล็กๆหน่อยแล้วก็

ดูป้ายราคาหน้าร้านไม่แพงเกินแล้วเอาพอมีคนกิน ร้านนี้ถือว่าโอเคเลย แม้ไม่ได้ฟู่ฟ่าแต่ก็หน้าตาอาหารดีนะ

ฝนก็ตกมาเรื่อยๆ ตกๆหยุดๆแต่อากาศนี่หนาว ลมแรง คืออากาศเย็นยังไม่เท่าไหร่ถ้าลมแรงนี่มีเสร็จ

แถมญี่ปุ่นมืดเร็วด้วยช่วงนี้ ทั้งหนาว ขาก็แฉะ ทรมานแต่ดีสภาพแวดล้อมเมืองนี้สวยงาม

otaru

เราเข้าร้านหีบเพลงอีกแล้ว จริงๆอยากเข้าทุกร้านเพราะในร้านจะมีฮีตเตอร์กัน มันสวรรค์มาก

ร้านนี้ดีตรงที่ถูกหน่อย มีขนาดให้เลือกเหมาะแก่การซื้อฝาก มีเพลงที่เรารู้จักไม่ใช่เฉพาะเพลงคลาสสิคก็มี

เพลงโดเรมอน อลาดิน the beatles titanic ก็มี ใครมาเมืองนี้น่าซื้อฝากมาก ส่วนเราหนักกระเป๋า ยังก่อน

ร้านนี้ร้านเครื่องแก้ว มีสาธิตเป่าแก้วด้วย เราเข้าเพราะฮีตเตอร์อีกเช่นกัน ไม่อยากจะเดินออกไปข้างนอกเลย มันทรมาน

เมืองนี้ของจุ๊กจิ๊กมันน่ารักไปหมด ญี่ปุ่นอ่านะ อะไรก็ดูดี สวยไปหมด จบ

เดินมาเรื่อยจนถึงคลอง Otaru ยอดฮิตของกลุ่มคนแล้วจ้ะ ถ้ามีหิมะจะสวยกว่านี้

แต่นี่ก็หนาวทรมานจะแย่แล้ว (ในภาพดูไม่หนาว ฝนไม่ตก ลมไม่แรงนะ) มันต้องมาเห็นด้วยตาเองจริงๆค่ะ

Otaru

เดินจากคลองมาทะลุด้านหลังก็เป็นร้านโกดัง ร้านด้านหลังก็เป็นร้านใหญ่ๆกัน

โรงเบียร์เอย ร้านซูชิใหญ่ยักษ์ เกินอาจเอื้อมค่ะ

ออกจากย่านคลองที่หนาวมาเดินย่านการค้าต่อ ย่านการค้าก็ร้างเชียว

ร้านเสื้อผ้า อาหารก็เป็นแบบเปิดมาหลายสิบปี ไทยไดมารูที่สุด

ย่านการค้าทุกที่มีร้านปาจิงโกะ ปาจิงโกะคือเหมือนการพนันอย่างหน่ึ่งของญี่ปุ่นแต่เป็นลูกเหล็กถูกกฎหมายค่ะ

ส่วนใหญ่คนแก่จะมาเล่นกัน เราก็เดินเข้าไปไม่มีใครจับ ถ่ายรูปได้อีก ถือเป็นโชค แสงสีเสียงมากมาย

ได้เวลาอาหารเย็นอีกครั้ง สองสาวยังไม่หิวเลยส่วนหนึ่งหนุ่มหิวละ

ปิดท้ายด้วยอาหารซูเปอร์ตอนช่วงใกล้ปิด ลดราคากันได้สนุกจริงๆ

ซื้อของช็อปปิ้งกันเสร็จก็ได้เวลาร่ำลา Otaru แล้ว มาง่าย เที่ยวสนุก อย่าลืมกันนะคะ

พอกลับมาถึงซัปโปโร ภารกิจของเราคือจองตั๋วเข้ามิวเซียมที่จะไปตอนโตเกียวค่ะ

พิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio (โดเรมอน) กับ Glibi ซึ่งพิมพ์ชื่อพิพิธภัณฑ์จากเมืองไทยไปแล้วเข้า

ร้าน Lawson พนักงานเขาจะกดซื้อบัตรให้เลยค่ะ แต่..น่าเสียดายขนาดเราจองก่อนเป็นอาทิตย์

มิวเซียมทั้งสองเต็มค่ะ 🙁

เราเดินอย่างหดหู่กลับบ้าน ชีวิตคนเราเมื่อผิดหวังก็ต้องยอมรับและทำใจค่ะ อาจจะมีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่นะ

Otaru

ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ ตะลุยซัปโปโรมันทั้งเมือง ซัปโปโรจริงๆ !! ขนาดเก้าอี้ยังซัปโปโร !!

ประเทศญี่ปุ่นยังมีที่ให้ค้นหาอีกเพียบ คลิ้กเลย

Otaru

otaru

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

2. BKK – SHANGHAI – SAPPORO – OTARU 2/2

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES