Japan North – South : EP16.1 Something about Kanto & Chubu

หมดไปอีกภูมิภาค เราก็มาสรุปกันหน่อยว่าแต่ละแห่งมีอะไรน่าสนใจบ้าง จัดไป !! วันนี้เราจะพาไปหาของอร่อยกันที่ Kanto and Chubu พร้อมแล้วไปกันเลย

1. ของกิน – งานวัด

เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปเราที่บังเอิญได้ไปเจอะงานวัดย่านชินจูกุ Kanto พอดี
(และอีกที่ที่เมืองคุมาโมโตะ แถบคิวชู) เราไปกันช่วงเดือน พฤศจิกายน ซึ่งเทศกาลพวกนี้
จะมีเรื่อยๆค่ะ ต้องคอยเช็คดู เราก็บังเอิญไปเจอเหมือนกัน

ของกินในงานวัดค่อนข้างคล้ายงานวัดบ้านเรามาก ถือเป็นไม้ๆแล้วกิน หรือ
นั่งเมาเป็นโต๊ะๆก็มีหมด ส่วนใหญ่อาหารจะไม่ได้รสชาติอร่อยขนาดนั้นแต่กินเอาบรรยากาศ
กิจกรรมก็มีหลากหลายตามที่เราเห็นในการ์ตูน ขายหน้ากาก ไหว้พระ ช้อนปลาทอง

เริ่มต้นจาก ยอดฮิตที่สุดของงานวัด ทาโกะยากิ
ปลาหมึกยักษ์ชิ้นเป้งๆ เรียกว่า ชิ้นปลาหมึกที่ออกมานอกแป้ง
ขายดีซะจน คนขายพลิกแทบไม่ทัน

ราคา : 500 เยน ได้ประมาณ 8 ชิ้น กินเอาสนุกๆ

โอโคโนมิยากิ –
ฮิตต่อมา ชาวไทยก็รู้จักกันดี
ป้าแกก็หั่นกันแทบไม่ทัน ตอกไข่กันนี่น่ากินสุดๆ ผักกระหล่ำก็เทซะหมดถัง
เรียกว่าใครกินคนเดียวหมด ฮาร์ดคอร์มากค่าาาา ดูราดซอสดิ มีตายอะ

ราคา : หลักร้อยประมาณ 400-500 เยนนี่แหละค่ะ อาหารส่วนใหญ่ราคาพอๆกันหมดนิ

ยากิโซบะ – 
ซอสเข้มข้นมาก รสชาติเหมือนตามร้านอิซากายะสุดๆ ในไทยก็มีให้กินนะรสนี้
เรียกว่าถ้าอยากแป้งเบื่อเบียร์ เบื่อเนื้อปิ้งๆ ก็มีกินอันนี้แทน

บรรดาของปิ้งย่างทั้งหลาย – 
งานวัดญี่ปุ่นนี่คือร้านเบียร์ดีๆนี่เอง อาซาฮีเย็นๆ นั่งโต๊ะเม้ามอยกันสนุกสนานครึกครื้น
เหล้ายาปาปิ้งพร้อม ลูกชิ้น เนื้อหมู เอ็น ลิ้น ไส้ มีครบ ไม่ใช่แค่หมู ปลาหมึก ไก่ ปลา ก็มี
กินแกล้มเบียร์ร้อนๆ กัดเข้าปาก เม้ากะกลุ่มเพื่อน มันสำราญยิ่งนักเชียวหล่ะ
/ เห็นแบบนี้แลดูไม้ละ 5-10 บาท ไม่ใช่นะยะ แพงนะยะ 200-300 เยน อย่าคิดเป็นเงินไทยเชียว

โอเด้ง –
อย่าคิดว่า งานวัด ไม่มี อาหารอะไรที่กินง่าย ไม่ต้องใช้ความสุนทรีนักที่นี่มีหมด
แต่เอาจริงๆแล้ว ถ้าอยากกินโอเด้งแนะนำกินใน lawson อร่อยที่สุด น้ำซุปนี่ผงชูรสจัดหนักดีแท้
เราชิมมาหมดทุก มินิมาร์ทแล้ว 7-11 family mart สรุปผลว่า ที่หนึ่งลอว์สัน ค่ะ !

ของหวาน งานวัด
อย่างแรก เพื่อนญี่ปุ่นแนะนำมาก ไม่รู้จะเรียกของหวานป่าว แตงกวาดอง
กินมันทั้งแท่งแบบนั้นแหละ รสชาติก็เค็มๆ อร่อยมั้งเพราะเห็นเพื่อนๆก็ชอบกัน
จขกท.ชิมไปคำเดียวไม่เอาเพราะไม่กินผักค่ะ จบ

ผลไม้เสียบไม้เคลือบน้ำตาล –
น่ารักๆ ตามประสาญี่ปุ่น มีหลายอย่างให้เลือกเผื่อใครต้องการไฟเบอร์และกลูโคสระหว่างอยู่วัด
ส้ม สับปะรด แอปเปิล มีหมด สนนราคา 200-300 เยนต่อไม้

มันฝรั่ง+เนย+น้ำตาล –
ที่สุดของความอ้วน ลุงแกดักไว้ตั้งแต่ทางเข้า
มันทั้งก้อน เนยทั้งก้อน ก็อ้วนแล้วโรยน้ำตาลอีก กินเสร็จนี่พลังงานครบ สะใจแท้

ขนมยอดนิยมของงานวัดทุกชาติ – สายไหม
ญี่ปุ่นก็มีนะคะ แต่ไม่ได้ลองชิม ถ้าใครเป็นสาวกการ์ตูนก็มาชิมกันได้
รสชาติเดาว่าเหมือนไทย แต่ถุงห่อนี่ครีเอทกว่าเยอะ

แล้วก็มาถึงขนมงานวัด ขวัญใจ จขกท.มากที่สุด
เรียกว่า ขนมโดเรมอน ละกันเพราะไม่รู้มันชื่ออะไร
เป็นแป้งโง่ๆ ตัวการ์ตูนนี่แหละ ขายก็แพง ห่อนึง 300 500 เยน (ตามไซส์)
ให้ไม่กี่ชิ้น แต่คือแป้งมากจริงๆ หยั่งกะกินขนมไข่ เราเลยฟิน จบ
ปล. เพื่อนบอกว่าถ้าออริจินัลจริงๆจะมีไส้ถั่วแดงข้างในด้วย
แอบรับไม่ได้นิดหน่อยถ้ากัดโดเรมอนออกมาแล้วสมองเลือดทะลัก

ข้าวหน้าเนื้อ หน้าต่างๆ ตามร้านต่างๆ

ชีวิตเร่งรีบในโตเกียวและเมืองใหญ่มักมีร้านข้าวหน้าเนื้อเปิดอยู่บรึม
สำคัญสำหรับเด็กแบ็คแพคมากเพราะถูก อิ่ม และมาครบชุด ซื้อก็ง่ายไม่ต้องคุยภาษา
ร้านมีรูป หยอดเงิน เลือกภาพ ได้กิน เป็นอันจบ
ถ้ายิ่งเป็นผู้หญิงกินไม่เยอะนัก มีชุดมินิอีกราคาประมาณ 300 เยนเท่านั้น (ถูกมากที่สุด !!)
แล้วร้านไม่ได้ให้แค่ข้าว ซุป ชา ฟรี นี่แหละที่พึ่งยามยากเหล่าคนจน

“โฮโต” (ほうとう) 

ข้ามฝั่งพ้นโตเกียวกันบ้าง (อย่าคิดว่าเราจะกินดีอยู่ดี อย่างซูชิไฮโซ คุณจิโร่ อันนั้นเลิกหวังเถิด)
กินแบบบ้านๆตามป่าตามเขา แล้วก็ค้นพบอาหารแบบใหม่
เส้นโฮโต เหมือนกับพวกเส้นอุด้ง เส้นราเม็ง เส้นโซบะ แต่จะแบนและยาว
เขาจะใส่ลงไปต้มกับพวกผัก ฟักทอง เห็ดไรพวกนี้ จนหอมผัก
ทุกคนกินก็อย่างเพลิดเพลิน ทุกคนชมเปราะว่าเด็ดมวากกกส์

ปลาดิบ

ปลาดิบภาคนี้ไม่เด็ดเท่าฮอกไกโด เนื่องจากพวกเราจนนัก
เมื่อไปถึงตลาดซึกิจิจึงไปร้านข้าวหน้าปลาดิบถูกสุด
คนต่อแถวเยอะสุด ทั้งที่จริงทริคคือ ควรไปร้านมีระดับนิดหน่อยเพื่อชีวิตที่ดี
อันนี้แนะนำจริงว่า ไปญี่ปุ่นห้ามหวงเงินเป็นอันขาด
แล้วจะเสียใจภายหลัง

ราคา : ข้าวหน้าปลาดิบถูกที่สุดในตลาดซึกิจิราคาประมาณ 1200 เยนขึ้นไป จนถึงระดับหมื่นเยน

ข้ามมาปลาดิบฝั่งเมือง คานาซาว่า กันบ้าง เมืองนี้จริงๆขึ้นชื่อคือ ปู
ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องมากินปู ไอเราก็ไม่รู้ไปถึงก็ปลาดิบเพราะเห็นว่าติดทะเลด้านบน
แต่พระเจ้า แค่ปลาดิบกินเข้าไปจะร้องไห้แล้ว ปลาบูริ ย่างไฟอ่อนๆที่ขอบ จิ้มโซยุเข้มข้นหนืดมาก
กินกับข้าวนี่ แซลมอนยังไงก็แพ้

มันภูเขา โทโทโร่

หลังจากอ่านการ์ตูนหนูซูชิมา ว่าด้วยอาหารจากป่า
เราได้ไปลองชิมมันภูเขาที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ
ร้านอุด้งธรรมดาๆแต่มีเมนูพิเศษคือมันภูเขากระทะร้อน
และอุด้งใส่มันภูเขา อากาศหนาวๆหิมะตกด้านนอกกับอาหารอุ่น
ชีวิตมันแค่นี้แหละ !!

เนื้อวัวฮิดะ

ถ้าไปโกเบต้องไปชิมเนื้อโกเบชื่อดังกันแล้ว
ถ้ามาย่านชูบูแล้ว ยิ่งเมือง ทาคายาม่า แล้ว เนื้อที่ดังที่สุดในแถบนี้คือ เนื้อฮิดะ
ลองทั้งกระทะร้อน ทั้งดิบกินกับข้าวสวย มันเนื้อจริง ไม่เหม็น ไม่คิดว่าดิบๆกินแล้วจะเวิก
แต่คุ้มค่ากับการลองมาก

ราคา : ประมาณ 1500 เยนขึ้นไป

ผักดอง

นอกจากเนื้อฮิดะแล้ว เมืองทาคายาม่ายังขึ้นชื่อเรื่องผักดอง
(เหมือนที่ให้กินตามร้านแกงกะหรี่โคโค่)
แต่เพื่อนตากล้องตื่นแต่เช้าไปชิมที่ตลอดมา
มันรับรองว่าเด็ดกว่าหลายเท่านัก
ข้าพเจ้าพลาดเสียแล้ว ดังนั้นไปเมืองนี้อย่าพลาดตลาดเช้า

ขนมสำหรับเหล่าโอตาคุ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สนองความต้องการความชอบการ์ตูนไว้มากที่สุด
เชื่อเหอะ ถ้าคุณชอบการ์ตูนเรื่องไหนนะ ประเทศนี้จะมีผลิตภัณฑ์ออกมาให้เราตื่นเต้น
และเรียกเงินเราแน่นอน ถึงจะไม่อยากกิน ถึงจะไม่อร่อย แต่ด้วยหน้าตามันแล้ว ยังไงก็ต้องซื้อ
มาดูขนมเอาใจเหล่าสาวกกันบ้าง

1. พิพิธภัณฑ์ ฟุจิโกะ เอฟ.ฟุจิโอะ
คาเฟ่ชั้นบนจะขายขนมต่างๆ ราคานี่รับไม่ได้มาก
แต่เหล่าสาวกข้ายอมแพ้

2. กันดั้ม
กันดั้มคาเฟ่ สาขาใหญ่สุดเขาบอกอยู่กันที่ อากิฮาบาระ (เราไม่ได้ไป)
แต่ถ้าคิดจะดูกันดั้มยักษ์ที่เกาะโอไดบะแล้ว ข้างๆก็มีกันดั้มคาเฟ่เหมือนกัน
ที่รับไม่ได้สุดคือ หุ่นยนต์ยักษ์สุดเท่ กลายร่างเป็นแป้งเค้กน่ารักงุงิอาโนเนะ
ผิดมู้ดมาก แต่เชื่อว่าสาวกก็ซื้อมากิน !!

ขนมแบ้วๆทั้งหลาย คาเฟ่แบ้วทั้งหลาย

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแบ้ว ห้างร้าน ปั๊มน้ำมัน ไม่มีอะไรแมนๆ
ยังไงก็ต้องมีมาสค็อตการ์ตูนน่ารักๆมาเรียกแขก อย่างแรกที่แนะนำคือ
ขนมสุดฮิตของประเทศชาติเราที่ใครไปโตเกียวต้องซื้อมาเพื่อยืนยัน (อีกอย่างคือ คิทแคท)

โตเกียวบานาน่า 
ญี่ปุ่นไม่มีกล้วยแต่ดันดังโตเกียวบานาน่า
ยิ่งกว่านั้นอิโตเกียวบานาน่าก็จะมีรสชาติ ลายต่างๆออกมาแสดงความพิเศษเสมอ
เราได้ลอง ลายเสือดาว น่ารักงุงิมาก ดูจากโฆษณามีโบว์อีก ต๊ายยยแรดเจรงๆ

Moomin Cafe 

ติดกับโตเกียวบานาน่าสาขาโตเกียวสกายทรี
มูมินคาเฟ่ น่ารักมวากส์ ใครโชคดีจะได้โต๊ะที่มีมูมินนั่งอยู่ด้วยอีก
แค่บรรยากาศคาเฟ่ก็น่ารักจะแย่ละ ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นแบบชิคๆ สวยเก๋นั่งคาเฟ่
นี่แหละเป็นที่หนึ่งที่ต้องไปให้ได้ !

100% Chocolate

ร้านช็อคโกแลตของเมจิ ที่แพ็คเกจดีไซน์สวยงามจนไปติดเวบดังระดับโลกหลายเวบ
เรียกว่าเด็กคนไหนเรียนดีไซน์มา ไม่เคยเห็นยี่ห้อนี้ก็บ้าแล้ว
ตอนนี้ 100% มี 2 สาขา สาขาที่พวกเราไปคือ สกายทรี ไปง่ายและมีของขายเต็มเลย
ถ้าอยากกินช็อคโกแลตเขาก็มี หรือจะซื้อพวงกุญแจสมุดดินสอไปฝากเพื่อก็ยังได้
แต่เอาจริงแค่เห็นกล่องช็อคโกแลตเรียงสีกัน นั่งอ่านทีละชื่อไม่ซ้ำกัน ชั้นก็ฟินละ !

ซอฟท์ครีม

สุดฮิตที่สุดทั่วทั้งญี่ปุ่น ไปเมืองไหนก็เจอ (แถมมารู้ทีหลังว่า ฮาเก้นดาสยังถูกซะกว่า)
พิกัดแรก ถ้าอยากกินทุกรสของญี่ปุ่น Tomi (เดาว่าเป็นยี่ห้อไอติมสำเร็จรูปส่งทั่วญี่ปุ่น)
มาที่ถนนนากามิเสะ หน้าวัดอาซากุสะ มีทุกรสไม่ต้องไปไกลถึงฮอกไกโด !

ขนาดไกลห่างเมือง หมู่บ้านชาวนา ยังมีร้านขายไอติม
รับรองมาประเทศนี้ ไม่อดตาย !

ทีเด็ดที่สุดของภูมิภาคนี้ ข้าขอยกให้ ไอติมจากเมืองคานาซาว่า
ซอฟท์ครีม วานิลา โง่ๆนี่แหละ แต่โปรยทองคำเปลวจริง ลงไป
ไข่มุกปลอมๆท็อปปิ้งลงไป ร่างกายได้รับ Au เต็มเปี่ยม

ขอจบพาร์ท ของกิน ไว้เพียงเท่านี้
แล้วจะมาต่อ พาร์ท กราฟิก เพียบ ประเทศนี้ !!

2. กราฟิก 

ญี่ปุ่นเป็นประเทศดีไซน์ที่ไม่ใช่สนใจแต่ความสวยงามค่ะ
เขายังสนใจฟังก์ชัน (การใช้งาน) ว่าเหมาะสมมั๊ย เรียกว่า ครบทั้งสวยรูป จูบก็หอม
และในทุกๆที่ตั้งแต่เมืองยันชนบทก็ยังมีความสวยงามและเข้ากับพื้นถิ่นนั้น
อยากให้ประเทศเราเป็นแบบนั้นบ้างจัง : )

Signage 

สิ่งแรกที่อยากแนะนำให้รู้จักคือ Signage ง่ายๆก็คือ ป้ายบอกทางค่ะ
เท่าที่สังเกตประเทศเรามักมีปัญหากับกราฟิกบนป้ายตั้งแต่
สนามบินสุวรรณภูมิยันไปถึงทางหลวง ญี่ปุ่นแก้ปัญหานี้ให้ง่ายขึ้นและสวยด้วย ที่ไหนบ้างเราไปดูกัน

พิพิธภัณฑ์ ฟุจิโกะ เอฟ.ฟุจิโอะ
ทุกที่ในญี่ปุ่นมีป้ายบอกทาง ห้องน้ำ เลี้ยวซ้ายขวา แต่ละมิวเซียมก็จะเลือกทำป้ายเฉพาะของตนเอง

ให้เข้ากับโทนของมิวเซียมตนเอง (คือทุกที่ได้รับการออกแบบว่างั้นค่ะ) ส่วนบ้านเรา ดาวน์โหลดไอคอนเอาหรือไม่ก็ซื้อแผ่นสติกเกอร์มาแปะ

พอออกมานอกมิวเซียม จากสถานีรถไฟถึงมิวเซียม เมืองคาวาซากิก็ทำป้ายบอกทางได้ดีค่ะ
(ประเทศเรามีมั๊ย??) แถมนอกจากบอกข้อมูลแล้วยังแอบมีลูกเล่นใส่คาแรคเตอร์บางตัวลงไปอีก
น่ารักมาก

ป้ายที่พื้น น่ารัก

21_21 Design Sight 

มิวเซียมดีไซน์ย่านรปปงงิ ก่อนเข้ามิวเซียมเราจะผ่านสวนเล็กๆก่อน
ป้ายเขาก็ทำเจ๋งดี วัสดุเป็นเหล็กตัว L ประกบกับแท่งปูน เราว่าเลือกได้ดี
ทนน้ำทนแดดคงทน เหมาะกับกลางแจ้ง แถมยังมีป้ายบอกที่พื้นๆ
เราชอบญี่ปุ่นที่เขามีดีเทลต่างๆนานี่แหละ

อันนี้เจ๋งดี เป็นการจำแนกข้อมูลชัดดี เป็นคนอ่านไป ถ้าสัตว์มีข้อห้ามยังไง
แยกป้ายกันเลย ชัดเจน !


อันนี้เป็นป้ายของอีกห้างหนึ่ง รปปงงิฮิลล์ ทุกที่มีแบบของตัวเอง

ห้าง Tokyo Skytree

จำชื่อห้างไม่ได้ แต่คอนเซปรู้สึกจะเป็นโครงสร้างพับๆทั้งหมด
ป้ายเขาก็เลยทำไอคอนออกมาหน้าตาแบบนี้
ญี่ปุ่นรักการใช้เส้น (Stroke) แบบมน (Round Stroke)
ทุกอย่างเลยดูแบ้วทันตา ฮ่าฮ่า

Yokosuka Arts Museum

มิวเซียมนอกเมืองจากเมืองโยโกสึกะ
มิวเซียมนี้ signage ด้วยตัวไอคอนที่เป็นเอกลักษณ์เรียบง่าย
ตัดสติกเกอร์เอา แต่ได้ลงหนังสือ signage เยอะมาก
เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรามาเยือนเมืองนี้

CupNoodle Museum – Yokohama

มิวเซียมคัพนูดเดิลที่เราอวยนักอวยหนา
ผู้อยู่เบื้องหลังงานดีไซน์ ไอเดียคือ Kashiwa Sato
พูดชื่อเฉยๆคงไม่รู้จักกัน แต่ถ้าพูดถึงงานเขาอย่าง
งานดีไซน์ให้แบรนด์ Uniqlo 7-11 Kirin ฯลฯ
ใครอยากเสพงานพี่แกเพิ่มเติม เชิญที่ http://kashiwasato.com/

ว่ากันด้วยเรื่องป้ายต่อ นอกจากมิวเซียมนี้จะเจ๋งแล้ว
งานกราฟิกยังเจ๋งไม่แพ้กัน จากป้ายที่เป็นไอคอนห้องน้ำชายหญิงธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
ไอคอนให้นมเด็ก (วัสดุน่าจะเป็นเหล็กแผ่นบาง หรูและเรียบดี)
คือเรื่องไอคอนจบไป มาดูกราฟิกที่ช่วยส่งเสริมมิวเซียมนี้กันดีกว่า

Signage ใหญ่บึ้ม เข้าใจง่าย อะไรอยู่ชั้นไหน มองเห็นทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

Step ต่างๆของการทำบะหมี่ตนเอง เข้าใจง่าย มีภาพประกอบ
อยากให้ชาติเรามีแบบนี้บ้าง

ที่เด็ดที่สุดอยู่ที่โซนขายของที่ระลึกด้านล่าง
จากโลโก้ของมิวเซียมที่เป็นตัว i i i (มาจากกราฟิกบนกระป๋องบะหมี่นิชชิน)
เอามาแปะลงบนเสื้อเอย ยางลบ อะไรหลายอย่าง สีแดงเด่นชัด
(ถ้าบ้านรวยจะซื้อให้ครบ) แต่สิ่งที่อยากได้มากสุดและแพงมหาโหดมากคือนี่ !!

ปล.ถ้าใครใช้ photoshop จะเก็ทคำพวกนี้มากๆ มันเด็ดมาก กราบ

ท่าเรือ Osanbashi 

พระเจ้า ท่าเรือยังมี signage !!
มันคงไม่น่าตกใจเพราะท่าเรือนี้ interior ยังสวย architect ก็สวย
ถ้ากราฟิกไม่สวยนี่ก็แปลก ที่นี่เขาก็ทำง่ายด้วยพื้นที่ใหญ่ๆ
ไม่อยากให้มีป้ายอะไรมาให้เกะกะลูกตา ป้ายบอกทางก็เลยสกรีนลงบนพื้นซะเลย
เดาว่าสักวันอาจจะลอกแต่ก็ทาสีใหม่เอาเนอะ เท่ดี

Kanazawa City

คุณคิดภาพว่าเมืองหนองคาย มี signage ของตนเอง
จะออกมาหน้าตาแบบไหน เรายกตัวอย่างเมืองคานาซาว่าให้ดูกัน : )
โซนหมู่บ้านเกอิชา ทำกราฟิกเส้นทางได้เฉียบ เท่ ถึงจะดูโมเดิร์นแต่ใช้วัสดุไม้รองรับ
ไม่ใหม่ไป ไม่เก่าไป เหมาะเจาะมาก สวยงาม

21st century museum of contemporary art  – Kanazawa

มิวเซียมสุดแสนเรียบง่ายของเมืองคานาซาว่า
ป้ายบอกทางภายในจึงออกมาเรียบง่าย
(จริงๆมิวเซียมเรียบๆประเทศบ้านเราขอแค่นี้ก็ดีใจแล้ว)
ส่วนตัวหนักคอนเซปจริงๆเขาอยู่ที่โลโก้ ที่หน้าตาวงกลมมีสี่เหลี่ยมๆเยอะๆข้างใน
มาจาก plan จริงของตึกเลย (เดาว่า สถาปนิกกะคนออกแบบกราฟิกคนเดียวกัน)

Train / Bus Station Signage 

หลายคนก่อนไปญี่ปุ่นจะชอบมีคำถามว่า
ในสถานีรถไฟมีป้ายบอกมั๊ยว่าไปไหนทางไหน
กลัวหลงทางในญี่ปุ่น

เราว่าถ้าตามป้ายรับรองไม่มีหลงและประเทศยุ่นไม่เหมือนบ้านเรา
เขามีป้ายกำกับตลอดทางแยก (บ้านเราเวลาไปตามตจว.ส่วนใหญ่ชอบมีป้ายแล้วหายไป
ให้เดาเอาเองตลอดเวลา) ดังนั้นฝั่งฮอกไกโดเราเล่าไปแล้วว่าป้ายบอกทางรถไฟไม่หลงทางอย่างไร
ญี่ปุ่นมีป้ายทั้งประเทศ มาดูฝั่งนี้กันบ้างและลงดีเทลกัน : )

ในสถานีรถไฟมีป้ายอยู่ทุกอณู รับรองมากว่าไม่หลง

ที่พื้นก็มี จำสีก็ได้ (ถ้าชินคันเซ็นจะเห็นว่าเขาแยกให้อีก มีรูปหน้าตารถไฟให้อีก อะไรจะดีเทลเกิ๊นนน)

ถ้าเปลี่ยนรถไฟแล้วกลัวไม่ทัน ต้องลงไปชั้นล่างมั๊ย นอกจากป้ายด้านบนแล้ว ที่เสาก็มี

แถบข้างบันไดเลื่อนก็มี ถ้าไปผิดไม่รู้จะพูดยังไง

เมื่อมาถึงชานชาลา ถ้าใครนอยว่า กลัวขึ้นผิดโบกี้ เขาก็มีบอกให้อีก
ว่าโบกี้ไหนจอดตรงนี้ รับรอง 100% (สังเกตว่าแต่ละขบวนจะคนละโบกี้กันอีก)

ป้ายบอกชื่อสถานี (ป้ายสีชมพูไม่ใช่ของ JR) ก็จะบอกสถานีก่อนหน้า กะ ต่อไป
แถมดีไซน์ยังสวยงาม ถ้า JR จะสีเขียว ยี่ห้ออื่นก็สีอื่นไป

ถ้าใครอยากเนิร์ดรถไฟอีก ขบวนนี้เขาก็บอกด้วยนะ ว่ารุ่นอะไร โบกี้อะไร
ห้ามสูบบุหรี่หรือสูบได้ (จริงๆในรถไฟก็จะมีป้ายบอกทุกโบกี้ทั้งขบวน)
แถมมีไอคอนประจำตัวเองอีก อะไรมันจะสวยงามและบอกข้อมูลได้ครบจริง

เพราะเหตุนี้แหละ รถไฟญี่ปุ่นจึงเป็นระบบขนส่งมวลชนที่เจ๋งมาก นิยมมาก
เพราะง่าย ดี เร็ว ตรงเวลา สะอาด มันคงไม่มีอะไรดีกว่าไปกว่านี้แล้วหล่ะ !

มาต่อกันที่ สถานีรถบัส ป้ายรถบัสบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา
ตารางเวลา สถานีชื่ออะไร ที่ยกมาให้ดูคือ ป้ายรถบัสแถวทะเลสาบคาวากูชิโกะ
บอกข้อมูล (จริงๆด้านล่างป้ายมีแผนที่ให้อีก) อยากให้ป้ายรถเมล์ไทยเป็นงี้
จะได้ไหม  อมยิ้ม17

ถังขยะ 

จุดน่าสังเกตต่อมา ไม่ใช่กราฟิกอะไรเลย
เป็นเรื่องการแยกขยะของคนญี่ปุ่น
(จากฮอกไกโดที่เคยมีถังขยะสวยงามไปแล้ว)
แต่ละเมืองอื่นๆก็มีถังขยะสวยงามไม่แพ้กัน
ที่สำคัญยังคงใจความสำคัญคือ การแยกขยะ
พร้อมบอกข้อมูลให้เรียบร้อย

ที่ Kanto ประเทศญี่ปุ่นเราจะพบว่า หาถังขยะยากมาก
แต่บ้านเรือนเขาสะอาดมาก ทำไม ?

กราฟิกสิ่งพิมพ์

นอกจากงานกลางแจ้งแล้ว สิ่งพิมพ์ต่างๆก็น่าสนใจ
ในด้านความสวยงาม เทคนิกการพิมพ์ อะไรหลายอย่างที่เรามองข้าม
แต่ญี่ปุ่นทำ มาดูกันต่อ

ตั๋วรถไฟ

ตั๋วรถไฟเก่าเขาก็เก็บ (ไว้ที่มิวเซียมรถไฟเมืองไซตามะ)
ส่วนตั๋วรถไฟใหม่ถ้าสังเกตจะมี pattern พื้นหลังลายไม่ซ้ำกันเลย

บัตรทางด่วน

คิดภาพบัตรทางด่วนบ้านเรา กับแบบนี้ อันไหนน่าใช้กว่ากัน
(สังเกตว่าเขามีแถบแม่เหล็กด้วย คงล้ำน่าดู) นี่ยังไม่รวมบัตรรถไฟนู่นนี่นั่นอีก

กระดาษห่อข้าว

ที่มิวเซียมรถไฟ เขาได้เก็บกระดาษเบนโตะยุคแรกๆไว้ด้วย
น่าตื่นเต้นมาก อารมณ์คล้ายโปสเตอร์โบราณ สวยงามแท้

เทียบกับปัจจุบัน

Packaging

จากฮอกไกโดไล่ลงมาคันโต ความน่ารักของแพคเกจยังคงอยู่
เราคัดแพคเกจน่ารักมาให้กรี๊ด เพราะตอนที่เราเห็นเราก็กรี๊ดเหมือนกัน
ติดว่าเดินทางไกลกลัวขนมเน่า ไม่งั้นข้าจะขนมาหมดเลยยย

จากแถบภูเขาไฟฟูจิ ขนมน่ารักมากค่าาาา

รีวิวจนเหนื่อยอ่อน งัดรูปถ่ายออกมาจนหมดคลังแล้ว
หวังว่าการรีวิวนี้อาจจะเป็น reference ให้ใครหลายๆคนได้
ทั้งของกินและงานดีไซน์ในญี่ปุ่น

ลาก่อน Kanto พบกันใหม่เมืองหน้าเกียวโต
ท้ายสุดของฝากของเล่นที่เราอยากได้มากกก แต่ได้ยากมาก ฮ่าฮ่า
สนองนี้ดตัวเองชัดๆ หน่ะ

พบกันใหม่ : ) ไปลุยต่อกันได้ที่

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES