14 พฤศจิกายน 2555 (พุธ) ไปเที่ยว โยโกฮาม่า
เราตื่นเช้ากันทุกวันด้วยระบบแบบชะโงกทัวร์เล็กน้อย
วันนี้แผนที่วางไว้คือ เดินเล่นรอบ โยโกฮาม่า (ย่านมินาโตะมิไร)
และนั่งรถไฟไปต่อยังภูมิภาคต่อไป เมืองนาโงย่า !
ยามเช้า ณ ที่พัก A Silk Tree Hostel นอน 2 คืน ค่าที่พักคนละประมาณ 1800 บาท
– ห้องคับแคบที่สุดตั้งแต่นอนมา
– ไม่มีห้องอาบน้ำฟรี อยากอาบน้ำต้องเสีย 200 เยน เป็นตู้อาบน้ำ
– อยู่ใกล้แหล่งเมือง ไชน่าทาวร์ และไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก
โยโกฮาม่า ของเราเริ่มต้นที่สถานี Sukuragicho นั่งรถไฟมาจากโฮสเทลสองแว้บ
จากจุดนี้เที่ยวได้เลย
โยโกฮาม่า เป็นเมืองเจริญระดับนึงเลยทีเดียว ตึกสูงเยอะ ในหนังสือบอกว่ามีตึกที่สูงสุดในญี่ปุ่นด้วย
จากจุดตึกเยอะๆ เราเดินเลียบริมทะเลตลอดทาง เดาว่ามาเช้าเกินไป ทั้งเมืองยังไม่เปิด
จะเห็นเรือ ที่เรามาเช้าเกินยังไม่เปิด
ข้างในเรือเห็นเขาบอกเข้าไปข้างในได้ เป็นมิวเซียมสักหนึ่ง
ละแวกนี้จะมีสิ่งก่อสร้างน่าตื่นตาตื่นใจเต็ม เรือเอย สวนสนุก ชิงช้าสวรรค์
ถ้ามาตอนกลางคืนไฟคงสวยงาม
แต่พวกเราไม่ค่อยมีเวลานัก และที่มาเช้าไม่ใช่มาเพราะขึ้นชิงช้าสวรรค์นี่นา
เนื่องจากยามเช้า(เกิน) ยังไม่มีอะไรเปิดทั้งนั้น คนหายไปไหนหมด
พวกเราก็เดินเล่นแถวนั้นจนไปสุดทางอ่าว
ทะเลยามเช้า ณ โยโกฮาม่า
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฝั่งมินาโตะมิไร ที่พวกเราจะมาคือ
Cupnoodle Museum ค่ะ ไม่ใช่ราเมงมิวเซียม (ที่ทุกคนเขาไปกันนะคะ)
มิวเซียมนี้อยู่ตรงข้ามชิงช้าสวรรค์พอดี และแน่นอน ยังไม่เปิด พวกเราก็เดินเล่นในเมืองร้างต่อไป
Cupnoodle Museum เป็นมิวเซียมของ Nissin บะหมี่ถ้วยนิชชิน ที่มีขายทั่วไป (ประเทศเราก็มีขาย)
ถ้าใครมาโยโกฮาม่า ขอร้องเลยค่ะ มาที่นี่เถอะ มันดีจริง ดีจนประทับใจมากถึงมากที่สุด !!
เนื่องจากมิวเซียมเปิด 10 โมง นี่เพิ่ง 9 โมงกว่า เมืองก็ยังร้าง
ตามประสาเด็กเกรียนไม่มีอะไรทำและไม่ได้อายชาวญี่ปุ่นเลย
พวกเราจึงฝึกฝนการข้ามถนนแบบวง Genki Sudo ที่เท่มากสำหรับพวกเรา
ใครไม่รู้ว่าเท่ไง ดู mv นี้ซะก่อน แล้วดูว่าพวกเราเต้นเหมือนมั๊ย (คือว่างไง)
หลังจากเดินเต้นท่าตาม mv อยู่เป็นชั่วโมงและเข้าไปกินนัคเก็ตในแมคข้างๆแถวนั้น
ได้เวลามิวเซียมเปิด เห้ย !! คนมันมาจากไหนกันเมื่อกี้ยังร้างอยู่เลย
ประเด็นคือ ตั๋วเต็ม เราได้รอบ 10 โมงกว่า มัวแต่เต้น
Cupnoodle Museum ค่าเข้าคนละ 500 เยน จะได้ตั๋วที่มี QR Code มาตื้ดเข้า
ขอร้องจริงๆ 500 เยนเท่านั้น ไปกันเถอะ มันคุ้มของโคตรจะคุ้มจริงๆ
แค่ฉากแรกก็สวยจะบ้าแล้ว
ห้องแรก เป็นห้องเล่าเรื่องประวัติของบะหมี่สำเร็จรูป
ถ้าเล่าแบบธรรมดามันคงไม่น่าสนใจ ห้องนี้จัดเลย เอาแพ็คเกจบะหมี่ทุกรุ่นมาวางเรียงโชว์ในกล่องลูกบาศก์
สวยงามมาก เป็นฉากถ่ายอินตราแกรมสบายมาก เรียนรู้ได้ด้วย ข้อมูลได้รับ ง่าย และ สวย
คุ้มแล้วเนี่ย 500 เยน มาเถอะ ขอร้องรอบที่สาม
จริงๆแค่ห้องแรกก็คุ้มละ (มาเพื่อสิ่งนี้แหละ) มิวเซียมนี้ไม่ให้คุณหยุดคุ้ม !!
ห้องต่อมา มีการ์ตูนให้ดู เล่าถึงต้นกำเนิดว่า อิบะหมี่สำเร็จรูปที่เรากินๆกันทุกวันนี้
มันเกิดมาได้ยังไง เขาก็จำลองเป็นฉากบ้านของ คุณ momofuku ando
คนคิดบะหมี่สำเร็จรูปว่า สมัยก่อนไม่มีกินยุคสงคราม อยากเก็บรักษาของกิน
แล้วเขาก็คิดได้จากการทอดเทมปุระ ว่า ถ้าเอาบะหมี่มาทอด
แล้วทำให้แห้งแล้วจะเอามาทำอาหารได้อีกที
ที่สำคัญ เส้นมีน้ำหนักเบาขึ้น บรรจุง่าย ทุกอย่างมันมีคำตอบอยู่รอบตัวเราจริงๆ
สมัยก่อนใครจะคิดได้เอาเทมปุระมาประยุกต์ พอดูการ์ตูนเสร็จก็เป็นฉากบ้านจำลองจริงๆ
เข้าไปเดินเล่นในบ้านได้
หลังจากที่คุณ โมโมฟุกะ คิดวิธีทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ เขาก็เดินทางไปต่างประเทศ
ฝรั่งก็เสนอว่า เออทำไมไม่ทำให้กินง่ายขึ้นแบบใส่ถ้วยกินได้ เขาก็กลับไปคิดว่า เออเวิกดี
แต่มีปัญหาคือ รูปร่างของถ้วยบะหมี่คิดเขาคำนวณมาให้ต้มน้ำร้อนแล้วเดือดแล้วอร่อยจะเป็นทรง
ปากบานกว่าก้น เวลาใส่ก้อนบะหมี่ตรงๆลงไป ด้วยรูปร่างที่มันบานออก
วิธีแก้ปัญหาจึงเป็นการคว่ำถ้วย ให้ถ้วยครอบก้อนบะหมี่แล้วจึงกลับด้านถ้วย ทำให้ก้อนบะหมี่แต่ละอันตรงเป๊ะ
(ทุกวันนี้ทุกถ้วยใน นิชชินก็ใช้วิธีนี้อยู่ ชาญฉลาดมากๆ มิวเซียมนี้ดีมากๆ)
ถ้าอธิบายไม่เข้าใจ ลองดูคลิปนี้
ไม่ใช่เรื่องบะหมี่ การทำบะหมี่ ประวัติบะหมี่ เท่านั้น
แต่มันคือ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีใครแก่เกินที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเรามีความคิดที่เป็นระบบ
สนุกกับมัน สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ อย่ายอมแพ้สักวันคุณอาจจะไปยืนเทียบกับบุคคลสำคัญเหล่านี้ก็ได้
มองผิวเผินคัพนูดเดิลมิวเซียม คือ มิวเซียมที่เล่าแต่เรื่องบะหมี่ให้สนุกยังไง
แต่บางครั้งมันไม่ใช่เลย
สิ่งที่เราต้องนำเสนอนอกจากอยากเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากออกเดินทาง
อยากเห็นโลกแล้ว ที่มากกว่านั้นและคีย์หลักของเราจริงๆคือ การเดินทางเพื่อเรียนรู้เราเรียนรู้จาก world expo ที่เซี่ยงไฮ้ เห็นความยิ่งใหญ่ของชาติจีน
และถามตัวเองกลับว่า เราเป็นเยาวชนที่ดีของชาติรึยัง ทำงานเต็มที่หรือยัง
เรากลับมา เราเดินมิวเซียมมากขึ้น เดินห้างน้อยลง เข้าใจคิดใช้ชีวิตให้ไปในทางที่ดีขึ้นและนี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้จากการเดินทางในญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่วิวสวย ธรรมชาติงาม
แต่มันคือ ความคิด บางอย่างที่ชาติเขาทำได้ บางอย่างที่เขาจัดการระบบอย่างดี
ตั้งแต่รถไฟตรงเวลาไปจนถึงเรื่องเล็กๆน้อย อย่างชักโครกประหยัดน้ำ จนเราอยากเอามาทำให้ชาติเราดีขึ้นบ้าง
มิวเซียมนี้เป็นคำตอบของโกกราฟ เป็นสิ่งที่โกกราฟต้องการเล่าอย่างแท้จริง
ดูเผินๆเหมือนสนุก ไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วสอดไส้ไปด้วยสาระและแรงบันดาลใจอีกมากมาย
เราหวังว่าเราอยากจะเป็นอย่างนั้นสักเสี้ยวนึงก็ยังดี : )
อย่ายอมแพ้ อย่าหยุดฝัน และสิ่งที่คุณโมโมฟุกุบอก
ไม่มีใครแก่เกินไป !
ใครได้ไปโตเกียวหรือมีโอกาส ไปมิวเซียมนี้ดูเถอะ
บางทีไม่กี่นาทีจากโตเกียว อาจเปลี่ยนชีวิตคุณรูปปั้นมิสเตอร์โมโมฟุกุ อันโดะ
ชั้นต่อมา เป็นชั้นที่ให้ทุกคนมีคัพนูดเดิลของตนเอง
ขั้นแรก หยอดเหรียญซื้อถ้วยคัพนูดเดิล
สังเกตว่าเขามีบอกสเตปไว้หมดแล้ว เข้าใจง่ายมาก โอย คารวะในแง่ดีไซน์
ถนัดมากกก วาดรูปกันสวยมาก ดูหน้าแต่ละคน
ที่นี่ให้ความเป็นเด็กกลับคืนมาด้วยนิดนึงนะเนี่ย
ขั้นสี่ ได้เวลาแพ็คบะหมี่ของตนเอง พนักงานทุกคนเป็นมิตรมากๆ (ถูกสอนมาดีมาก)
การคว่ำถ้วย เขาให้เราลองทำเองด้วย เห้ย ฉลาดมาก
ฉลาดจนไม่รู้จะชมมิวเซียมนี้ยังไงแล้ว
การลงมือทำคือการจดจำได้ดีที่สุด !
เขาให้เลือกหน้าตามใจชอบเลย เหมือนร้านข้าวแกง น่ารักมาก
ไม่อยากจะชมแล้ว มันดีจริงๆ
บะหมี่ของโกกราฟ เรามาแล้วคัพนูดเดิล เดิล เดิล เดิล !!
ที่นี่ทำน่ารัก เป็นเป่าลมเหมือนห่วงยาง ให้สูบกันเองด้วย
นักเรียนเด็กๆดีใจกันมาก ส่วนพวกเราอดทำเป็นห่วงยางเพราะมันเอาขึ้นเครื่องบินไม่ได้จ้า
น่ารักมาก สร้างสรรค์มาก
จากรูป ห่วงยางด้านซ้ายนั้นแหละ ออกมาจะเป็นเช่นนั้นค่ะ น่ารัก
มันดีจริงๆ มิวเซียมนี้ มาเถอะ เชียร์ออกนอกหน้ามากๆแล้ว
มาเป็นฟู้ดคอร์ทเลย ไปดูบรรยากาศกันดูเผินๆ ทำไมมันรกๆ วะ ผิดมู้ดมิวเซียมนี้ แต่เขาจงใจค่ะ
ลองดูดีๆ ว่าเขาจะพยายามทำให้เป็นมู้ดประเทศอะไร ชัดเลย !!
เป๊ะเลย บอดี้แสลมเป๊ปซี่มายังไง บ้านเราชัดๆ และใช่กว่านั้นป้ายโฆษณาเยอะเต็มไปหมด
ชาติเราทั้งนั้น ฮ่าฮ่า
อร่อยดี และน้ำรีฟิลอีก คุ้มสุดๆ โซนสุดท้ายชั้นล่างขายของที่ระลึก (ก็น่าซื้อไปหมดหน่ะ)
ย้ำอีกครั้ง พ่อแม่พี่น้อง มิวเซียมนี้ ณ เมือง โยโกฮาม่า เดินได้จาก มินาโตะมิไร มันดีจริงๆ เป็นมิวเซียมที่ดีมาก
เอาไป สิบดาวเลย
ความคุ้มยังไม่หมดแค่นั้น จากมิวเซียมเดินเลาะริมทะเลมาเรื่อย จะเจอตึกอิฐแดงเท่ๆเรียงเป็นตับ
มีช็อปเล็กๆในนั้นเยอะแยะมากมาย เราไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวตกรถไฟ รีบปั่นตามที่ที่อยากไปก่อน
ขอผ่านโกดังอิฐแดงนะจ๊ะ ไปมาแล้วที่ ฮาโกดาเตะ ฮ่า
มีต้นไม้ ร่มเย็น อะไรมันจะน่าเดินขนาดนี้ ชั้นอยากเป็นหนุ่มสาวชาวเมืองโยโกฮาม่า
จะมาเดทริมทะเลทุกวันเลย
สวยงามๆ ก็อยากจะมาดูมาเห็น
ที่นี่คือ ท่าเรือ Osanbashi ย้ำท่าเรือ เป็นที่จอดเรือ
อยู่แถวมินาโตะมิไรนี่แหละ พวกเราเดินจากมิวเซียมเอา
สวยงามมาก บรรยากาศดีมากๆ
ชิงช้าสวรรค์ มิวเซียม และอิฐแดง อยู่อีกฝั่ง
กว้างและเท่ดีจังเมือง โยโกฮาม่า นี้ มาแล้วรู้สึกดี
สองคนนี้มาเล่นแอดมูจิกันตรงนี้หรอ ญี่ปุ่นมาก โปสเตอร์หนังเฮ้าส์อาซีเอรึเปล่า
นอกจากคู่รักวัยรุ่นแล้ว เด็กๆก็ชอบ ที่นี่กว้างมวากส์
โยโกฮาม่าไม่ได้ดังแค่ไชน่าทาวน์นะคะทุกคน
นอกจากคู่รัก เด็ก ยังมีคู่แต่งงานมาถ่ายภาพที่นี่อีก มันใช่มาก !
กว้างมาก เทียบกับพวกเราสิ
ความสวยของริมอ่าวแล้ว เราฟินมาก เมืองนี้ คุ้มจริงๆ อยากจะอยู่อีกเรื่อยไป
แต่เวลาไม่รอใคร ตามแผนการได้เวลารถไฟ รีบวิ่งจู๊ดกลับโฮสเทล
ในเมือง โยโกฮาม่า ยังน่าเดินอีกมาก เชิญเชยชม
พุ่งไปแรงด้วยชินคันเซ็น
นาโงย่าแบบนอยๆของแก๊งเกรียนๆกันต่อได้ที่
*****
วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube
สำหรับตอนนี้
12. YOKOHAMA