Japan North – South : EP1 Bangkok – Shanghai – Sapporo

เซี่ยงไฮ้ – ซัปโปโร

Go!Graph Season 2 – Japan

สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาจากทริปอันแสนยาวแล้วค่ะ จึงจะมารีวิวเพื่อเป็น reference แด่ทุกคนค่ะ

ใครอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบงบน้อย ไม่ต้องน้อยใจชีวิต เราไปทั้งหมด 25 วันงบคนละ 120,000 บาทค่า (รวมค่าไร้สาระช็อปปิ้งหมดแล้วนะ) ดังนั้น เชิญพบกับการกินอยู่อย่างประหยัดค่ะ

ความเดิม :: กลุ่มวัยรุ่นเด็กเกรียน 3 คน นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปทิเบต

หลังจากนั้นก็ติดใจเที่ยวแบบทรมานจัดไปนานๆ ทริปนี้เป้าหมายจึงเป็นไปญี่ปุ่นให้มันทั่วประเทศเลย

เราจึงผลาญเงินที่เก็บและทำงานมาเกือบปีละลายหายไปในเกาะแดนอาทิตย์อุทัยค่ะ

เส้นทางการเดินทาง :: สุวรรณภูมิ > เซี่ยงไฮ้ (ต่อเครื่อง) > ซัปโปโร > โอตารุ > โนโบริเบทสี > ฮาโกดาเตะ > นิกโก >

โตเกียว > คาวากูชิโกะ > คามาคุระ > โยโกสุกะ > โยโกฮาม่า > นาโงย่า > ชิราคาวาโกะ > ทาคายาม่า > คานาซาว่า >

เกียวโต > นารา > โอซาก้า > โกเบ > มิยาจิม่า > ฮิโรชิม่า > นางาซากิ > คุมาโมโต้ > ฟุกุโอกะ > เซี่ยงไฮ้และสุวรรณภูมิอีกที

รูปภาพทั้งหมด ถ่ายด้วย Canon EOS 7D เลนส์ Kit+70-300 mm และ Canon Ixus 210

ขอขอบคุณ Canon Thailand สำหรับอุปกรณ์ค่ะ

1 พฤศจิกายน 2555 (พฤหัส)

เราเริ่มออกเดินทางจากสุวรรณภูมิค่ะ แต่ไม่ได้บินตรงไปญี่ปุ่นเลยเนื่องจากเมืองที่เราจะไปลงคือ ซัปโปโร (ต้องลงที่สนามบิน นิวจิโตเสะ)

ก็เลยแพงกว่าปกติ ถ้าต่อเครื่องจะแสนถูกมาก ดังนั้นไม่ต้องคิดว่าเราจะเลือกอะไร

สมาชิกเรามีทั้งหมด 3 คนเหมือนเดิม (อีกคนถ่ายภาพ) ระหว่างรอเครื่องที่สุวรรณภูมิค่ะ

เราไปกับสายการบิน China Eastern Airline เที่ยวบิน MU542 ออกจากสุวรรณภูมิ 16.50

ถึง เซี่ยงไฮ้ ประมาณ 3 ทุ่ม สายการบินนี้ดีนะคะ ราคาถูกและไม่เลวร้ายนัก อาหารก็พอกินได้

ชาวจีนเราก็คุ้นชินอยู่แล้วเพราะงั้นชิวมาก ถูกที่สุด (เราจองตั๋วบินไปกลับ กรุงเทพ- ซัปโปโร

ฟุกุโอกะ-กรุงเทพ รวมทั้งหมดประมาณ 18000 บาท เท่ากับเราบินรอบละ 4500 บาท ถูกมาก ข้าวฟรีอีก คุ้มที่สุดในโลก)

หนทางการต่อเครื่องของเราคือ วันนี้เราจะถึง เซี่ยงไฮ้ ตอนกลางคืน นอนสนามบิน 1 คืน

พรุ่งนี้เช้าตอนบ่ายๆจะบินจาก เซี่ยงไฮ้ ไป ซัปโปโร สนามบินผู่ตง เราเคยมากันแล้ว ก็คุ้นชิน

สบาย ชิว แต่ตอนนี้เป็นสนามบินร้าง

อย่าคิดว่าเราจะถึงญี่ปุ่นง่ายๆค่ะ เราจะค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆ รายละเอียดเล็กๆน้อยในสนามบิน

สิ่งไหนน่าตื่นเต้นเราจะเล่าหมด มารีวิวสนามบินกันดีกว่า เริ่มจากสิ่งแรก ที่ชาร์ตแบตฟรี

เราตื่นเต้น สนามบินนี้มีเน็ตฟรีให้เล่นนะคะแต่ต้องเข้าไปสมัครก่อน แล้วเขาจะส่ง sms มาให้

(แปลว่าต้องเปิดโรมมิ่ง) เล่นแล้วหลุดๆดับๆค่ะ ไม่เวิกนัก

สนามบินตอนนี้ร้างแล้ว ไร้ซึ่งคน เราก็ไม่ได้สนใจ ยังชิว เริ่มหาข้าวยามดึกกิน

จะชิวไปไหน ที่นี่ของกินพร้อม ห้องน้ำพร้อม เสียอย่างเดียวไม่มีห้องนอนให้

กินอิ่มเราก็เริ่มตระเวนหาที่นอน บอกสูตรให้ค่ะ พอถึงสนามบินให้รีบปั๊ม ตม.

(ถ้าเรา transfer เครื่องไม่ต้องทำวีซ่าจีนนะคะ เขาจะให้เราอยู่ได้ 24 ชม.ค่ะ จะออกไปข้างนอกเที่ยว เซี่ยงไฮ้ ก็ได้นะ)

พอเราปั๊มเสร็จ ควรจะรีบไปจับจองที่นอนค่ะ ไม่ควรมาชิวแบบเรา คือเก้าอี้ในสนามบินมันจะมีแบบมีที่วางแขนกับไม่มี

แนะนำให้ไปชั้นบนสุด แถวๆริมๆที่เลยเคาท์เตอร์แล้วจะไม่มีที่วางแขน นอนสบาย แถวนั้นที่นอนเยอะค่ะ เด็ดค่ะ

ได้เวลานอน บ้านของฉันค่ำคืนนี้ เรานอนจริงนะ คือเพื่อนผู้ชาย(ที่ถ่ายรูป)

มันนอนไม่หลับเลยแอบถ่ายไว้ เกรียนดี

ครั้งที่แล้ว เรากลับบ้านที่สนามบินนี้ ครั้งนี้สนามบินนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรา เช้าแล้วค่ะ

คนในสนามบินเริ่มพลุกพล่านอีกครั้งส่วนพวกเรายังนอนตายกันอยู่ที่เดิม

เป้าหมายต่อไป MU279 Sapporo 13.25

ได้เวลาขึ้นเครื่อง เราก็เดินเล่นดู dutyfree ไปจนหมดสนามบิน (เวลามีเยอะไง)

ญี่ปุ่นอยู่เบื้องล่างค่ะ ใกล้ถึงแล้ว (รวมเวลาออกจากกรุงเทพ- ซัปโปโร เกือบ 24 ชม.พอดีเด๊ะ)

ในที่สุดเราก็ถึง สนามบินนิวจิโตเสะ ซัปโปโร ค่ะ เช็คกระเป๋าแล้วเข้าเมืองกัน

ตรวจของเรียบร้อย ปั๊มพาสพอร์ตเรียบร้อย ก็ตามป้าย JR Train ไปโลด

(JR คือการรถไฟของญี่ปุ่นเหมือนการรถไฟแห่งประเทศไทยนั่นแหละ ส่วนคุณภาพไว้มาดูกัน)

คือประเทศนี้ ทุกอย่างสวยงามไปหมด ถังขยะยังสวย

คือนอกจากคนจะมีระเบียบแยกขยะออกแล้ว อินโฟกราฟิกยังสวยงาม จบ

เราไปถึงสถานีรถไฟประจำสนามบิน ซัปโปโร แล้วค่ะ หน้าตาเป็นงี้

แต่ช้าก่อน ยังไม่ใจร้อนรีบเข้า ซัปโปโร เราไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเปิด JR PASS ก่อนค่ะ

เราซื้อ JR PASS มาแบบเต็มแมกซ์ 21 วัน แปลว่าเราจะใช้บัตรนี้นั่งรถไฟอะไรก็ได้ที่เป็นของ JR ได้หมดทั่วประเทศ

(ยกเว้นบางขบวนที่เขามีหมายเหตุไว้ แต่ก็ไปเปลี่ยนเป็นขบวนอื่นไปถึงจุดหมายได้อยู่ดี)

สรุปแล้วบัตรนี้คุ้มมาก คนญี่ปุ่นซื้อไม่ได้เขาก็อิจฉาเรา เราเลือกที่จะเปิดใช้วันแรกพรุ่งนี้ค่ะ

วิธีการเปิดก็แสนง่ายไปที่เคาท์เตอร์ โชว์ตั๋วที่ซื้อจากเมืองไทยให้เขาดู คนญี่ปุ่นถึงเขาจะไม่ค่อยกล้าพูดอังกฤษแต่การบริการดีเยี่ยมมากค่ะ

ตัวอย่างจากคุณป้าเจ้าหน้าที่สถานี ซัปโปโร ในรูป บริการได้ประเสริฐเลิศแท้มากๆ

เราเลยถือโอกาสจองตั๋วรถไฟเผื่อไปอีก 7 วันซะเลย ใช้ป้าให้คุ้ม ป้าก็ยิ้มแย้มเต็มใจบริการมาก

คนประเทศนี้ประเสริฐนัก

เปิดแล้วก็จะได้บัตร JR PASS ใบนี้มาเชยชม ห้ามหายเด็ดขาด!!

หลังจากนี้เราก็นั่งรถไฟจากสถานีแอร์พอร์ตเข้า ซัปโปโร เพื่อไปที่พักในเมือง

นั่งรถไฟไปประมาณ 40 นาทีชิวๆ การซื้อตั๋วรถไฟก็ง่ายดายมาก ไม่เห็นยากเหมือนที่เขาโม้กันมา

ถึงแล้วจ้า สถานี ซัปโปโร !! แบกกระเป๋าหาโฮสเทลเลย

หลังจากเอาของไปเก็บที่โฮสเทลเรียบร้อย เราพักที่ Sapporo Inn NADA

เป็นบ้านคุณลุงกับคุณป้าเล็กๆไม่มีคนเลย เดินมานิดหน่อยก็ถึงย่าน

ซุซุกิโนะ แหล่งเจริญภาพยอดฮิตที่ใครมาต้องถ่าย เราก็ถ่ายเลยซักหนึ่งดอก จัดไป

มื้อแรกเราเริ่มที่ราเม็ง จากคนไม่เคยไปญี่ปุ่น (จขกท.ไม่เคยไป ส่วนอีกสองคนไปกับที่บ้านและทัวร์)

ตื่นเต้นกับร้านอาหารกด คือเราไปถึงก็อ่านเมนูกันไม่ออก ดูรูปเอาแล้วก็หยอดเหรียญ

ประเทศนี้เป็นประเทศที่บ้าการหยอดตู้มาก เอะอะอะไรเป็นหยอดไปหมด หยอดเสร็จจะได้ตั๋วเอาให้พนง.

แล้วเขาก็จะเอาราเมงมาให้เรากิน ร้านไหนมีรูปก็โชคดีไป ร้านไหนมีแต่ตัวหนังสือก็แล้วแต่ดวงเลยจ้า

เราเริ่มต้นที่ ชิโอะราเมง กับ ทงคัตสึราเมง ชิโอะ แปลว่าเกลือ เป็นราเมงน้ำใส เค็มๆอร่อย เซฟๆ

ส่วนทงคตสึคือ ราเมงน้ำซุปกระดูกหมู น้ำข้นมากเหมือนมาปั่นกระดูกให้กิน อร่อย เข้มข้น

นี่สินะ รสชาติที่แท้จริงของญี่ปุ่น กินที่ไทยมามันเทียบไม่ได้จริงๆ

วางแผนเที่ยวฮอกไกโดกันได้ที่

เรายังคงอยู่ฮอกไกโดต่อไปค่ะ พรุ่งนี้เราจะไป โอตารุ ขึ้นรถไฟและติดตามต่อไปด้วยกันนะฮ้า

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

0.Teaser Go!Graph in Japan

1. BKK – SHANGHAI – SAPPORO – OTARU 1/2

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES