สวัสดีทุกท่าน เรากลับมาที่ญี่ปุ่นอีกแล้ว ตอนนี้จะเป็นบ้านที่สองของเราไปแล้ว ฮา ครั้งนี้เรามากันที่คันไซ มาอีกแล้ววว! แต่แผนของเรามาเที่ยวที่ไม่เคยไปมาก่อน และเพิ่งจะรู้จักเนี่ยแหละ เขาว่าเป็นจังหวัดอยู่ด้านเหนือของคันไซติดกับเกียวโต และมีทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ง่ายๆ คือเกือบครึ่งของจังหวัดเป็นทะเลสาบ Biwako นั้นเอง จังหวัดที่ว่าคือ เมืองชิกะ เกียวโต นั่นเอง
เมืองชิกะ เกียวโต อาจไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก แต่คนญี่ปุ่นกลับรู้จักกันดี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนในเขตคันไซ เพราะอากาศที่ดีมาก ช่วงหน้าร้อนอากาศก็สบาย ส่วนฤดูหนาวก็มีลานสกีด้วย คนในเมืองเลยนิยมมาเที่ยวกัน เพราะห่างจากโอซาก้าแค่ 1 ชั่วโมง และ เกียวโตแค่ 10 นาทีเท่านั้นโดยรถไฟ
เมืองชิกะ เกียวโต ดีขนาดไหน เขาบอกว่าเป็นเมืองที่คนญี่ปุ่นนิยมมาตากอากาศ หนีร้อนกัน แม้แต่องค์จักพรรดิ ก็ทรงเสด็จมาพักผ่อนที่นี้ทุกปีเลยทีเดียว แล้วก็ในอดีตสมัยสงครามจักรพรรดิก็ได้สร้างวังที่เมืองนี้ด้วย เกริ่นไปคราวๆแล้ว มาดูรีวิวกันเลยดีกว่า
เราเริ่มจากการจองด้วย Expedia Line Bot เป็นผู้ช่วยที่ใช้จองโรงแรมและเที่ยวบินที่เราต้องการไปได้สะดวกและง่ายผ่าน App Line โดยเลือกจากดีลที่ถูกที่สุดให้เราก่อนเสมอ แถมมีโปรโมชั่นหลากหลายส่งตรงถึงมือถือทุกวันอีกด้วย สนใจวิธีใช้ อ่านได้ที่ท้ายรีวิวเลยเนอะ มีประโยชน์มากจริงๆ เราแนะนำเลย หรือ คลิ๊ก http://bit.ly/2oRCqH2
ถึงเวลาออกเดินทางโดยสายการบิน ThaiAirasia X จากสนามบินดอนเมือง บินตรงสู่ สนามบินนานาชาติคันไซ ถึงก็รอตรวจตม. รอกระเป๋า ก็ประมาณเกือบ 5 ทุ่มพอดี นั่งรถบัสออกไปที่สถานี Osaka เราพักผ่อนโรงแรมใกล้ๆสถานี เพื่อพรุ่งนี้เราได้เดินทางไปจังหวัด Shiga จากสถานี Osaka ได้สะดวกเลยแต่เช้า
การเดินทางไป เมืองชิกะ เกียวโต เราสามารถใช้ Pass ได้หลายตัว แต่ที่แนะนำ เพราะถูก และคุ้มค่าที่สุด คือ Kansai Area Pass ราคาถูกมาก แต่นั่ง Shinkansen ไม่ได้ แต่เราไม่ได้ใช้อยู่แล้ว นั่งแค่ขบวน Express เท่านั้น ราคาเลยถูกนั้นเอง
** Kansai Tourist Pass ใช้ไม่ถึงเนอะ ต้องเป็นของ JR เท่านั้นที่ถึง
ราคานี้ นั่งไปกลับก็คุ้มแล้ววว
ดูแผนที่ของ Pass เราใช้ตัวนี้เดินทางเมืองอื่นใกล้ๆรอบโอซาก้าได้หมด ที่เที่ยวฮิตๆทั้งนั้น ซื้อ Pass ตัวนี้แบบ 4-day เที่ยวรอบๆก็คุ้มแล้ว Pass ดีมากจนคนญี่ปุ่นอิจฉาคนต่างชาติเลย 55
สนใจเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/
Osaka Station
ใครเคยมา Osaka แล้วจะรู้ว่าสถานี Osaka นั้นปราบเซียนมาก ด้วยความงงของสถานี มีหลายทางเพราะต่อเติมขึ้นมาเรื่อยๆนั้นเอง แต่ตอนนี้เขาเริ่มปรับปรุงหลายๆส่วนของสถานีแล้ว อย่าง Information Travel Center ที่ฝากกระเป๋า ที่ซื้อ Pass แต่เดิมแยกกระจายกันมั่วเลย ต่างชาติก็เลยงง ตอนนี้เขาปรับปรุงเสร็จแล้ว เอาทุกอย่างมารวมกันไว้ที่เดียว ดีมาก
มีแผนที่บอกตำแหน่งทุกอย่างอขง Travel Service Center
มีเคาเตอร์ขาย Pass ทุกอย่างมาซื้อได้เลยตรงนี้
ตรงนี้ดีมาก แบบกลัวสื่อสารไม่รู้เรื่อง แบบอยากได้อะไร ติ๊กๆ เอาเลยว่าต้องการพาสตัวนี้ๆ หรือซื้อบัตร จองรถ เรียบร้อยเลย แถมทำให้การซื้อพาสจบรู้เรื่องแบบรวดเร็วด้วย
ถึงเวลาเดินทางแล้ว เรานั่งขบวน Thunderbird สาย JR เวลาคนจะไปเกียวโตต้องขึ้นขบวนนี้นั้นเอง เราใช้เวลาทั้งหมดจากโอซาก้า ประมาณ 1.08 ชั่วโมงไปลงสถานี Shiga เพื่อไปที่ Biwako Valley แหล่งเล่นสกี และจุดชมวิวที่เห็นทั่วทั้งทะเลสาบเลย
ลงสถานี Kyoto แล้วไปต่อลงที่สถานี Katata มาต่อขบวน Local สาย JR Kosei เพื่อมาลงสถานี Shiga ขบวนนี้สวยมาก มีความคลาสสิค
ก่อนเดินทางขึ้นไปที่ Biwako Valley ถ้ามีเวลารอรถบัส เราไปแวะคาเฟ่เล็กๆ ใกล้สถานีกันก่อน
Aoki’s Bean Cafe
ร้านคาเฟ่เล็กๆ สุดอินดี้ติดอยู่กับทะเลสาบบิวะ ออกมาด้านหน้าเลี๊ยวขวา ข้ามสะพานเล็กๆ ก็จะเจอคาเฟ่ถั่วของคุณอาโอกิ ตามชื่อร้านของขึ้นชื่อคือถั่ว เจ้าของร้านได้ใช้ถั่วออร์แกนิคหลากหลายพันธุ์มาเชื่อม และทำเป็นไส้โดรายากิ แล้วก็เอามาทับในเครื่องทำวาฟเฟิล เป็น Dorayaki+Waffe = Doraffuru นั้นเอง ไส้ถั่วคุณภาพดี ยังรู้สึกเม็ดบ้างเคี๊ยวมันๆ กับแป้งที่กรอบนอกนุ่มใน เข้ากันดี กับกาแฟดริปของทางร้าน แถมด้านหลังของคาเฟ่ยังติดกับทะเลสาบบิวะ จิบกาแฟไปทานโดราฟุรุไปด้วย ฟิน..!!
ก่อนจะขึ้น Biwako Valley ก็แวะที่คาเฟ่นี้เนอะระหว่างรถบัส หรือรอเที่ยวรถไฟ
บรรยากาศชิลๆ จิบกาแฟพร้อมทานขนม
ถั่วเชื่อมของดีของร้าน รสไม่หวานมาก ทานได้เรื่อยๆเลย
วิวทะเลสาบบิวะ
แค่ได้นั่งตรงนี้ก็ฟินแค่ไหนแล้วววว อย่าลืมแวะกันนะ
Biwako Valley
แหล่งชมวิวและเล่นสกีที่ใกล้โอซาก้าที่สุดแล้ว เหมาะสำหรับคนมาเที่ยวโอซาก้า แต่อยากเล่นสกีกัน ไม่ต้องไปถึงนากาโนะแล้ว
เรามาขึ้นรถบัสที่ด้านขวาของสถานี สาย 68 จะมีรอบทุก 40 นาที คนละ 330 เยน
แล้วมาถึงหน้าสถานี Ropeway แล้ว ค่าขึ้นไป-กลับ อยู่ที่ 1900 เยน มาขาเดี่ยวก็มีนะ! เพราะมีเส้นทางเดินเขาลงหลายทางอยู่ คนญี่ปุ่นก็ชอบมาเดินเข้ากันด้วยที่นี้
ถ้าใครมาเล่นสกี ก็เช่าอุปกรณ์ตั้งแต่ข้างล่างเลยนะ เราไปช่วงไม่มีพอดี เลยไม่ได้ลองเล่นเลย ลองอ่านที่กระทู้นี้นะ มีคนเขียนไว้แล้ว ละเอียดดีมาก ช่วยได้เยอะเลย
https://pantip.com/topic/33097925
ขึ้นแล้ว แค่เห็นวิวจากกระเช้าก็คุ้มแล้ว เขาบอกว่าเป็นกระเช้าที่วิ่งเร็วที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ (ญี่ปุ่นนี่ต้องหาอะไรที่สุดให้ได้จริงๆ 55) ก็เร็วจริงๆ ประมาณ 10 นาทีก็ถึงยอดแล้ว
มาถึงด้านบนจะมีส่วนของลานสกี กับ คาเฟ่ ช่วงสกีจะเป็นให้เล่นประมาณปลายธันวา – ปลายมีนา ส่วนคาเฟ่จะเปิดทั้งปี ช่วงหน้าคนญี่ปุ่นนิยมขึ้นมานั่งชิลๆด้านบน เพราะอากาษเย็นทั้งปี และวิวอลังการ สวยมาก
เห็นวิวทะเลสาบบิวะ และตัวเมืองหลวงของ Shiga คือ Otsu นั้นเอง ถ้าวันไหนอากาศโปร่งๆ จะเห็นตึกสูงที่โอซาก้าเลยทีเดียว
พูดจริงแค่ขึ้นมาชมวิวบนนี้ก็คุ้มแล้ว แค่นั่งเฉยๆ ยืนดูวิว ก็พอใจแล้ว
มีที่ชมวิวคู่รักด้วยนะ ฮ่าๆ
ส่วนของคาเฟ่ ที่แต่เดิมเป็นโรงแรมสำหรับคนมาเล่นสกี แต่พอมันใกล้เมืองมากไป รถไฟสะดวกรวดเร็วมากขึ้น คนเล่นมาเที่ยวไป- กลับ ซักมากกว่า ตอนนี้เลยไม่มีโรงแรมแล้ว เลยทำเป็นคาเฟ่แทน
วิวจากในคาเฟ่ มิน่าคนญี่ปุ่นชอบมานั่งที่นี้กัน แล้วก็ขนมที่แนะนำคือ เจลาโต้ชาเขียว เพราะที่แทบนี้เป็นแหล่งปลูกชาเขียวแห่งแรกๆของญี่ปุ่น นั้นเอง
ที่นี้ดีงามมากกก สวยกว่าในรูปเยอะะะแถมใกล้โอซาก้ามากมาย
เราไปช่วงปลายเมษาแล้ว หิมะจะไม่เหลือให้เล่นแล้ว ไว้มาให้ช่วงปลายธันวานะ
และที่ Biwako Valley ยังเป็นที่ชมซากุระอีกด้วย บานชนต้น- กลาง เมษาพอดี ตลอดทางที่ขึ้นมาบนนี้จะเห็นแต่ซากุระเต็มไปหมด เราไปช่วงปลาย ยังเห็นพันธุ์กลีบเยอะ อยู่หลายต้น พันธุ์นี้จะบานช้าและดอกอยู่ค่อนข้างนาน สวยมาก เป็นอีกที่ที่น่ามาช่วงซากุระบานมากๆ
Otsu
Otsu เป็นเมืองหลวงของจังหวัด Shiga นั่งรถไฟจากสถานี Shiga ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ามาจากเกียวโตแค่ 10 นาทีเท่านั้นใกล้มาก เป็นเมืองที่คนญี่ปุ่นนิยมมาตากอากาศ และปั่นจักรยานเที่ยวกัน ที่นี้มีเส้นทางเดิน และ ปั่นจักรยานมากมาย แล้วด้วยที่เป็นเมืองบรรยากาศชิลๆ ร้านอาหาร และคาเฟ่ เลยมีมากมาย แถมบรรยากาศดีทั้งนั้น และเป็นออร์แกนิคอีกด้วย
Warms Organic Cafe
ร้านคาเฟ่สไตล์สุขภาพเป็นที่นิยมของผู้หญิงชาวญี่ปุ่น แบบว่ามาร้านนี้สุขภาพดีสุดๆ วัตถุดิบทุกอย่างใช้จากของท้องถิ่นทั้งนั้น สายคลีนเชิญ! (จริงของขึ้นชื่อที่นี้คือ เนื้อ!! เขาบอกคุณภาพสูสีมัตซึซากะ เลยทีเดียว แต่ไม่ได้กินจ้า เขาพากินคลีน 55 อด)
มีขนมหวานเยอะ สายคลีนทั้งนั้น หวานน้อย ทำจากเต้าหู้ ธัญพืช
บรรยากาศในร้าน ญี่ปุ่นจริงๆ
จากในร้านมองวิวทะเลสาบบิวะได้ชัดเจน บรรยากาศดีเว่อร์
มีผลิตภัณฑ์ออรแกนิคขายด้วย
มาถึงอาหารแล้ว เมนูอาหารคาวที่นี้มีแค่ 2 เมนูเท่านั้น เป็นชุดผักแกงกระหรี่ กับข้าวห่อไข่
ชุดผักแกงกะหรี่ เสิร์ฟมาเป็นชุดผักสด และเทมปุระผัก ซุปมะเขือเทศ และข้าวกล้อง แบบว่าคลีนสุดในชีวิตตั้งแต่เคยกินมา ฮ่าๆๆๆ เวลาทานก็เอาผักไปจิ้มในแกงกระหรี่ ทานพร้อมข้าว เอออร่อยว่ะ ผักหวานกรอบ แกงกระหรี่แบบญี่ปุ่น ที่ออกรสเผ็ดนิดๆ ข้าวที่หุงได้สุกกำลังดี อร่อยเลยทีเดียว
จบด้วยซุปมะเขือเทศ ปกติเป็นคนไม่ชอบซุปมะเขือเทศมาก แต่ร้านนี้ทำได้รสกลมกล่อมมากจ้า ดี
มีพวกน้ำเต้าหู้ด้วย เราสั่งน้ำเต้าหู้มัทชะ ลาเต้ รสถั่วเหลืองเข้มข้นเลย อร่อยยยย
มาถึงข้าวห่อไข่แบบญี่ป่นบ้าง ข้าวผักซอสมะเขือเทศกับไก่บ้าน อร่อยใช่ได้เลย ไก่รสเหนียวนุ่ม พร้อมซอสแบบแกงกะหรี่ ดีมากเลย
สายคลีนเชิญญญญญ!! ดีมาก ใครไม่คลีนก็หาเนื้อทานนะ 55
แล้วมาเดินเล่นทางเดินรอบทะเลสาบบิวะ เห็นแล้วคุณภาพชีวิตคนที่นี้ดีมาก อาหารดี อากาศดี บรรบากาศดี เป็นเมืองที่น่ามาพักผ่อนจริง ชอบ บอกเลยว่าจะกลับมาช่วงซากุระให้ได้
Otsu Prince Hotel
โรงแรมใหญ่ แค่ 2 แห่งในเมือง Otsu บรรยากาศห้องดีมาก ทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลสาบบิวะได้หมด ห้องที่นี้ถือว่าใหญ่มาก ถ้าเทียบโดยทั่วไปของโรงแรมญี่ปุ่น
ห้องใหญ่จริงๆ ไม่ได้พูดเล่นๆ
ส่วนขึ้นชื่ออีกอย่างของโรงแรมนี้คือ บุฟเฟ่ต์กลางวัน ที่รวมของดีรอบๆทะเลสาบบิวะ มาไว้ที่นี้ และทานอาหารไปพร้อมชมทะเลสาบบิวะไปด้วย คือคอนเซปของโรงแรมนี้คือ ทุกห้องต้องเห็นทะเลสาบบิวะ
ชั้นล๊อบบี้ มีคาเฟ่สามารถนั่งทานกาแฟ ชา และขนมอร่อยๆได้ที่นี้
สตรอเบอรี่ช๊อคเค้ก ดีมากกกกกก ครีมนุ่ม ไม่หวานเลี่ยนเลย
จากโรงแรมเราเดินมาที่ริมทะเลสาบกันต่อ ชีวิตดีเนอะ เห็นคนยืนตกปลากันเต็ม
เรามาช่วงหลังซากุระบาน แต่เรามาช่วงที่ Pink Moss หรือชิบะซากุระ บานพอดี ทางเมือง Otsu ได้ปลูก Pink Moss ยาวเป็นกิโลตลอดริมทะเลสาบเลย สวยมาก จะมีช่วงปลายเมษาพอดี สีชมพูหลังวิวทะเลสาบ จะมีบรรยากาศอะไรดีไปกว่านี้แล้วว
Michican Cruise
ต้องบริเวณนั้นมีท่าเรือ Michican ด้วย เป็นเรือล่องชมทะเลสาบบิวะ ที่จำลองมาจากเรือมิชิแกน ของอเมริกา ที่เป็นเรือกลไฟ ใช้ใบพัดขนาดใหญ่ขับเคลื่อนเรือ แต่สมัยนี้ไม่ได้ใช้ถ่ายหินแล้ว เป็นน้ำมันเครื่องจักรในการปั่นใบพัดแทน แต่ระบบขับเคลื่อนก็เหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนในอดีต
เรือมาจอดที่ท่าแล้ว
บรรยากาศแบบยุคเก่าของอเมริกาเลย
เห็นวิวได้รอบทะเลสาบ ถ้ามาช่วงซากุระ ก็จะเห็นซากุระตลอดรอบทะเลสาบบิวะ
เข้ามาดูที่ห้องกัปตันได้
สนใจมาลองล่องเรือได้ ยิ่งมาช่วงฤดูหนาว รอบๆจะเต็มไปด้วยหิมะ คนญี่ปุ่นเล่าบรรยากาศบอกเหมือนอยู่ในฝันเลยทีเดียว
สนใจอ่านเพิ่มเติมที่ https://www.biwakokisen.co.jp/en/michigan.html
English Garden by Biwako Otsukan Hotel
สวนของโรงแรม Biwako ที่แต่เดิมเป็นโรงแรมเก่าแก่ของที่นี้ที่เปิดมาแล้วนานเป็นร้อยปี มีคนดังมากมาย ทั้งดารา นักแสดง ชาวญี่ปุ่น ชาวต่างชาติ จนถึงขนาดองค์จักรพรรดิ ก็เคยมาพัก ณ โรงแรมแห่งนี้ แต่ตอนนี้ Biwako Hotel ได้สร้างโรงแรมใหม่ เป็นแบบสมัยใหม่ อยู่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ ตอนนี้ที่นี้เลยเก็บไว้เป็นคาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ และมีสวนอังกฤษให้ชมด้วย
ภายในเป็นสวนสไตล์อังกฤษปลูกดอกไม้หลากหลายพันธุ์เลย
ช่วงนี้จะมีทิวลิปเยอะหน่อย
มีซากุระให้ชมด้วย มีต้นหนึ่งใหญ่มากอยู่กลางสวนแต่โรยไปหมดแล้ว ไม่ทัน
ทิวลิปมีดูทุกที่ เป็นที่ๆเหมะมาเดินเล่นชมดอกไม้ แบบไม่เร่งรีบนัก
Otsu Station
กลับเข้ามาที่ตัวเมืองโอซึ มาที่สถานีรถไฟกัน เขาได้ปรับปรุงใหม่ ให้เป็นสถานีรถไฟที่เท่สุดๆไปเลย มีความฮิปเต็มร้อย
ที่สถานีมีครบทุกอย่าง
เจ๋งสุดคือมี Canlender Hotel เป็นโรงแรมแคปซูลและคาเฟ่สไตล์ลอฟท์เท่ๆ
ด้านข้างเป็น Information แนะนำที่เที่ยวรอบทะเสาบบิวะ
แถมพนักงานที่ให้ข้อมูลเป็นฝรั่งด้วยดิ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาอังกฤษเลย แถมมีบริการให้เช่าจักรยานด้วย
มาที่ส่วนของโรงแรมบ้าง
บรรยากาศดีมาก ด้านนอกมีที่ปิ้งบาบีคิว
คาเฟ่ที่บริการอาหาร และเครื่องดื่มดีๆ พร้อมมีหนังสือให้อ่านด้วย
วิวนี้ชอบมาก เห็นสถานีรถไฟ
มาดูที่ห้องพักบ้าง เป็นห้องนอนแบบแคปซูล แบ่งชายหญิง แถมราคาไม่แพงเลย ประมาณ 1500 เยน แล้วแต่ช่วงฤดูกาล ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวหลายคนก็มาพักที่นี้กัน เพราะเกียวโตมักจะเต็มและแพงมาก ที่นี้ห่างจากสถานีเกียวโตแค่ 10 นาทีเท่านั้น เป็นตัวเลือกที่นี้มาพักมากๆ
แคปซูลที่นี้ถือว่าห้องใหญ่พอสมควรเลย
ชอบห้องน้ำมาก ทำดี ห้องแยกกัน ไม่เหมือนที่นอนแคปซูลที่ชินจูกุ ห้องน้ำรวม ฮ่าๆๆ เข้าห้องน้ำสบายใจ
ให้ดูบรรยากาศอีกรอบ อากาศดี บรรยากาศดี อาหารดี ของเชียร์ให้ทุกคนมาจังหวัดนี้ เมืองนี้เลย แล้วทุกคนจะหลงรักเมืองนี้มาก ยิ่งสาบชิล สายคาเฟ่นะ ยิ่งน่ามามาก มีโอกาสหน้าเราจะมาใหม่ ช่วงซากุระ ไม่น่าพลาด ไว้เจอกันใหม่ชิกะ!
ข้อมูลเพิ่มเติมของจังหวัดโอซึ http://www.otsu.or.jp/en/
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมจังหวัดชิกะ ได้ที่ http://en.biwako-visitors.jp ยังมีที่น่าไปอีกเยอะมากจังหวัดนี้เราต้องกลับมาใหม่อีกแน่นอน
แล้วใครอ่านรีวิว อยากจะจองเที่ยวบินหรือโรงแรมเพื่อเที่ยวญี่ปุ่นเลย เราขอแนะนำผู้ช่วยใหม่ ที่ทำให้การจองโรงแรมและเที่ยวบินได้ง่ายขึ้นมาก แถมมีโปรโมชั่นหลากหลายส่งตรงถึงมือถือทุกวัน มีปลายทางทั่วโลก คือ Expedia Bot นั้นเอง ตัวนี้ไม่ใช่ Line@ แต่เป็น LineOfficial Expedia จะ Bot ที่ค่อยหาข้อมูลให้เรา แค่เราพิมพ์ถามลงไป คล้ายๆ เจี๊ยบ Simชิมิ ที่เคยเล่นกันสมัยปีก่อนนู่น
ข้อดีของเจ้าตัวนี้ คือ เราแค่ใช้แอป Line แอดเข้า @Expedia.co.th
หรือกดที่ลิ้งนี้เลยก็ได้>> http://bit.ly/2oRCqH2
เรามาทดลองใช้จองเที่ยวบินไปโอซาก้า กันเลยดีกว่า เข้าไปที่ Line ของ Expedia.co.th ก็จะขึ้นหน้าจองี้ บางทีก็จะขึ้นเด้งบอกโปรโมชั่นให้เรา ปกติหน้าเฟสบางครั้งก็ไม่ขึ้นให้เราเห็น เราก็จองตอนลดไม่ทันตลอด แต่ด้วย line มันจะทำให้เราเห็นตลอดไม่พลาดดีลดีดีแน่นแน
กดเลือกค้นหาโรงแรมหรือเที่ยวบิน
กดจองการเดินทาง
พิมพ์ ต้นทาง และ ปลายทาง ที่เราจะไปเลย วันที่บินไปและกลับ
Bot ก็จะประมวลผลให้เราแปปหนึ่ง แล้วก็ส่งผลให้ดู
ดูราคาได้ไปกลับ แค่ 9160 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมาก ขนาดไม่ใช่ช่วงโปรโมชั่นพอดี ระบบจะค้นหาราคาต่ำที่สุดให้เราก่อนเสมอดีงามมาก
จองเที่ยวบินเสร็จเรา มาจองโรงแรมกันต่อ กดที่ค้นหาโรงแรมหรือเที่ยวบินเหมือนเดิม
ตัว Bot ก็จะบอกให้เราพิมพ์ชื่อเมืองที่เราจะไปพัก เห็นตัวแอฟตอบกลับเป็นภาษาไทย เราก็ไม่แน่ใจว่าเมืองที่เราจะไปสะกดภาษาไทยยังไงดี ก็เลยพิมพ์เป็นอังกฤษไปเลย สรุป Bot ก็ยังใช้ค้นหาได้อยู่ ดีๆ เพราะถ้าเป็นเมืองยุโรปเหนือนะ เช่นเมือง Reykjavik เมืองหลวงไอซ์แลนด์จะสะกดภาษาไทยยังไงงง 555 โอเคสรุปพิมพ์อังกฤษก็ได้ Bot ก็ค้นหาให้เราเหมือนเดิม จากนั้นใส่วันที่พัก จบ
ไม่นานระบบจะค้นหาให้เรา มาเลยอันแรกโรงแรม Otsu Prince Hotel ที่เรารีวิวไป ระบบจะเอาโรงแรมที่มีโปรโมชั่นให้เราก่อนเลย ดีจริงๆ ใช้ง่าย ไม่ยากเลย
สรุปเจ้าตัว Line Expedia Bot เป็นแอฟผู้ช่วยการจัดการการเดินทาง ที่ดีมากตัวหนึ่งเลย เพราะเราไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บ เราสามารถพิมพ์ถามใน Line ได้เลย แล้วระบบก็จะหาข้อมูลให้เรา แถมข้อมูลที่เคยหาแล้วก็ไม่หายไปไหนอีก อยู่ใน Line นั้นแหละ ไม่ต้องหาซ้ำหลายรอบเลย ถือว่าดีเลยทีเดียว
และอีกอย่างที่เราชอบคือ ระบบแจ้งเตือนโปรโมชั่นใน Line นี่แหละ เพราะเป็นแอฟหนึ่งที่น่าจะเปิดบ่อยที่สุด มันไม่ทำให้เราพลาดโอกาสได้ดีลที่ดีที่สุด ยังไงก็ลองแอด Line ไปลองใช้ดูนะ
แนะนำให้ลองกดเลย ตรงนี้http://bit.ly/2oRCqH2
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน เราจะพาไปที่ไหนกันต่ออีก ไว้มาดูกันนะ มีเยอะมากกกกกก โดยเฉพาะญี่ปุ่น มีทั้งปี