Train to Tibet : EP15 What Happens in Lhasa !

What Happens in Lhasa

4 กันยายน 2554 (อาทิตย์)

วันนี้ไกด์บอกจะพาไปที่สุดท้ายแล้ว (อ้าวอะไร๊ ยังไม่ทันจะไปไหนเลย) คือวัดโจคัง เราก็ตื่นแต่เช้าตรู่มาวัดโจคัง ขอแทรกถึงโรงแรมของเรา ยอดเยี่ยมมาก

ข้าวเช้าแม้แต่ไข่ต้มใบเดียวยังไม่มีให้กิน น่าเศร้ามาก เราเป็นเด็กขาดสารอาหารตอนนั้น

จากการวิเคราะห์ เพราะคนจีนขยันกินแป้งนี่เอง น้ำเปล่าก็ไม่กิน

กินแต่น้ำชา ทำให้การขับถ่ายของคนจีนเลื่องชื่อรึเปล่านี่

ค่าเข้าวัดโจคังคนละ 85 หยวน (ประมาณ 425 บาท) ช่างแพง แต่ตั๋วเค้าเป็นสามมิติด้วยนะ

คิดว่าคงเป็นค่าทำตั๋ว วัดนี้มีประวัติเพราะเป็นวัดที่เก่าแก่ทีสุดในลาซาแห่งนี้ มีความเชื่อมากมาย

เข้าไปแล้วก็คล้ายๆกับโซนห้ามถ่ายรูปของพระราชวังต้องห้าม

จะมีนักท่องเที่ยวต่อแถวกันเข้าไปดูในห้อง อะไรก็ว่าไป

เช่นกันเหมือนพระราชวัง โซนห้ามถ่ายเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวก็จะเดินกันเข้าไปเหมือนพระราชวังเป๊ะ

ส่วนข้างในก็เป๊ะ ให้ความรู้สึกคล้ายกันมาก คือ มีพระพุทธรูป ห้อง ห้อง เช่นเดิมคือ ควรศึกษาประวัติศาสตร์ก่อนเข้าไป

เราก็เช่่นเดิมเข้าไปแบบสมองกลวง ดูจบจบยังไม่เกท ว่าสรุปอันไหนคือพระที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

สิ่งที่ชอบคือผ้าที่มีลายต่างๆ อันนี้แลดูทิเบตดี

ข้างในนั้น มีหลายห้องมาก บางห้องก็สำคัญ นักท่องเที่ยวก็เฮลาโลเข้าไปดู (เราก็ไม่รู้ว่าสำคัญยังไงอีก)

บางห้องก็ถูกปล่อยทิ้งไว้แบบไม่มีใครสนใจ คิดแล้วก็แปลกใจ เราก็สมองกลวง เดินตามเค้าไปเช่นเดิม..

สังเกตตัวสีสันที่นี่จะสดกว่าโปตาลา เหมือนเพิ่งทาใหม่

นี่เป็นโซนด้านนอก คืออะไรก็ไม่รู้ บางที่มีคนกราบไหว้ โยนเหรียญ โยนแบ๊งค์

นอกจากจุดขายจะเป็นในห้องนั้นที่มีพระเยอะๆแล้ว ข้างบนยังมีดาดฟ้าแดดร้อนๆ

ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชม ถ่ายรูปๆ กันอีก นี่เป็นชั้นที่สอง ยังมีชั้นบนสุดอีก

เปิดโล่งทั้งสองชั้นเลย มีขายของที่ระลึกด้วย แต่อย่าคิดว่าเราจะซื้อ ฮ่าฮ่า

เห็นจะจะ ว่านี่อยู่ชั้นสอง ไกด์ก็ตามสบายเรา เดินเล่นเลยจ้ะ เชิญๆ

สไตล์ทิเบต เราชอบนะดูกราฟิกน้อยๆดี สีสดๆ เค้ากลัวแดดเลียเยอะแน่ๆสีสดซะขนาดนี้

เราก็ขึ้นมาชั้นสาม เพิ่มระดับความสวยและความร้อนจากดาดฟ้า

อันนี้คือ รูปปั้นในตำนาน เป็นที่เลื่องชื่อใครมาต้องถ่าย จขกท.ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าฮิต ฮ่าฮ่า

วัดในตำนาน วัดโจคัง แห่ง ลาซา

บนดาดฟ้าจะมองเห็นวิวเมืองลาซาทั้งเมือง เราก็ยืนเก๊กกันก่อน

มองลงมาก็จะเห็นเมืองเป็นเช่นนี้ แหม เมืองนี้ภูเขายิ่งใหญ่จริงๆ

ในตำนานอีกซักรอบ เอาให้เห็นรายละเอียด

ด้วยความสมองกลวงมา..เราก็เลยไม่อินกับวัดนี้ แต่อินที่วิวสวยนะ ฮาฮา

ไกด์ก็เลยพาเราออกมา (เพราะไม่รู้จะดูอะไรแล้วจริงๆตอนนั้น) ไกด์เลยไม่รู้จะพาไปไหนดี

ด้วยความเป็นคนไทย ขอแถมๆๆๆ ไกด์เลย โอเคเดี๋ยวพาไปวัดแม่ชีแถวนั้น

พาเดินไปด้านหลังวัดโจคังที่เป็นโซนขายของ เข้าซอย เยอะแยะไปหมด

เราคงไปเองไม่ถูก ไกด์ยังหลงทางเองเลย ฮ่าฮ่า พาเดินหยั่งกะคนท้องถิ่นมากๆ

ถึงละวัดแม่ชี เสียค่าเข้า โอเคลาก่อน ขอชมข้างนอกสวยๆนะจ้ะนะ

มีปลูกดอกไม้ ซักผ้ากันตรงนั้น แม่ชีๆดี

เดินออกมา ก็หลงอีก เจอวิถีเด็กทิเบต เหมือนเด็กไทยทั่วไปเลย

และแล้วก็หมดเวลาไกด์อีกเช่นเคย (ขอบคุณ) เราก็กลับมาตายรัง (อีกแล้ว)

ไม่ต้องทาย summit cafe เจ้าเก่า.. เจอปีเตอร์อีกแล้ว… เดจาวูชัดๆ เราเลยถามปีเตอร์เมื่อวานกินข้าวที่ไหน

ปีเตอร์ก็แนะนำไป เราก็โอเคไปหาร้านข้าวปีเตอร์กินดีกว่า คือมันว่างจัดไง เดินไปมา

เจอร้านแถวนั้น อันนี้เป็นของกินเล่น แปลกดี

มันคือ เส้นใหญ่ บางๆกว่าบ้านเรา ใส่น้ำรสชาติเผ็ด เย็นๆด้วย

กับ บะหมี่เหลือง รสชาติเครื่องเทศ ใส่น้ำเผ็ดๆ ไม่เคยเจอ เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้

ป้าคนขายน่ารัก พูดอังกฤษไม่ได้ ก็คุยกันสนุกเลย ฮ่าฮ่า เดาๆกันได้

ไม่ต้องกลัวว่าภาษาจะเป็นปัญหา ภาษาใบ้เราเทพละตลอดการเดินทาง

ภารกิจต่อไปคือเดินหาร้านอาหารของปีเตอร์ เราก็หลงๆกันไป เชื่อว่าถ้าใครไปตามเรา

หาเจอง่ายร้านนี้ เพราะภาพมันร้านอาหารไฮโซมาก แต่ราคาจริงนี่อย่างถูก คุ้มสุดๆนี่แหละ

ทำไมเราไม่เจอร้านนี้ก่อนหน้านี้ฟะ ร้านชื่อ Lhasa Namaste อยู่บนชั้นสองของห้างประมาณมาบุญครอง

หาง่ายๆ ตึกอยู่ตรงหัวมุม ชั้นสองเป็นกระจกๆชมวิว แถวๆวัดโจคัง เฮ้ย ร้านนี้แนะนำเพราะคุ้มจริง!

บนชั้นสองเป็นโรงหนังด้วย ถ้ามีเงินและมีเวลา จะดูหนังภาษาจีนละ เท่ๆ แบบงงๆ

เข้ามาที่ร้าน บรรยากาศร้านอินเดียๆ ห้องน้ำสะอาดนะจ้ะ มื้อนี้เราก็อิ่มหนำกันไป

ขอบคุณปีเตอร์ สปาเกตตี้ พิซซ่าทูน่า นันแกงกะหรี่เนื้อจามรี แหมดีจริงๆ

บรรยากาศร้าน ดีๆ อร่อยๆ ไม่แพงๆ

 ตบด้วยของหวาน เค้กอะไรไม่รู้ สู้ summit cafe ไม่ได้ๆ

อย่าลืมมานะจ้ะร้านนี้ ประทับใจๆ ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดนะ

โรงหนัง ลาซา ถูกด้วยนะๆ 😀

กินเสร็จ เราก็ว่างอีกแล้ว ทำไมมันว่างขนาดนี้ ในเมืองก็มีอยู่เท่านี้

สุดท้ายโอเคตัดสินใจจะนั่งรถเมล์มั่วๆละกัน แต่แบบยังร้อนอยู่ เราเดินจนเบื่อทั้งเมือง

มีแต่ร้านขายของ สุดท้ายเรากลายเป็นเด็กแว๊นซ์นั่งอยู่หน้าร้านแบรนด์เนม มองคน แซวคนเดินผ่านไปมา

(คงไม่มีใครมาทิเบตเพื่อมาเป็นเด็กแว๊นซ์แบบเราหน่ะ..) พอแว๊นซ์เสร็จก็เบื่อ เลยไปนอนตายในร้าน DISCO’s

ฟาสต์ฟู้ดเหมือนแมคโดนัลด์ นอนไปแบบไม่สั่งอะไรกินด้วยนะ เค้าก็ปล่อยเรานอน เรานอนถึงขั้นฝันเลย

จริงจังมาก ไม่มีอะไรทำ รอเวลาตอนเย็น แดดไม่ร้อนมากๆ จนสุดท้ายเราแยกทางกัน

เพื่อนผู้ชายจะไปถ่ายในเมืองแถวพระราชวัง ส่วนสองสาวจะนั่งรถเมล์มั่ว งั้นตามเรามาก่อนนะ

นั่งรถเมล์คนละ 1 หยวน นั่งไปไหนก็ไม่รู้ ถือคติว่า เดี๋ยวมันก็วนกลับมาที่เดิม

เอาสายที่คนน้อยๆละกัน เราเลยเลือกเบอร์ 20 เป็นเป้าหมายการนั่งมั่ววันนี้

เรานั่งมั่วจนออกนอกเมืองไปเรื่อยๆ หลงๆแบบสนุกดี สุดท้ายรุถเมล์สุดสาย แทนที่เราจะโอเคขึ้นกลับ

ไม่เอาไหนๆก็ไหนๆละ เดินเล่นแถวนอกเมืองไหน เจอคนนอน

เด็กขี้อยู่จะจะตา กระต่ายน้อย และเจอป้ายบอก ทางไปวัดเซรา !

วัดเซราคืออะไร ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยได้ยินชื่อบนไกด์บุค ว่างอยู่แล้ว เดินไปดูหน่อยก็ได้

ท้องฟ้าก็สวย อากาศเลิกร้อนแล้ว เดินชิวๆนอกเมือง ดีเหมือนกันแฮะ

รู้สึกดีกว่าเดินในเมือง คนเยอะวุ่นวาย ร้อนๆตั้งเยอะ รู้งี้ทำตั้งนานละ

เดินมั่วๆตามป้ายที่มีบ้างไม่มีบ้าง จนถึงวัดเซรา ตอนนั้นวัดปิดแล้วจ้า แต่ไม่มีประตูปิด เราก็เดินเข้าไปสิ

เท่าที่อ่านป้ายมา วัดเซราเหมือนกับเป็นอารามสงฆ์ ข้างในเราเข้าไปแล้วเหมือนเป็นเมืองเลย

แต่วังเวงมาก(เพราะเค้าปิดแล้ว) เราก็ไม่กล้าแอบเข้าไปลึกมาก ได้แต่ถ่ายรูปข้างหน้าๆ

ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว เริ่มน่ากลัวละ จะโดนเก็บที่ ลาซา ปะเนี่ย

สุดท้ายเจอวัดแบบงงๆ เดินออกมาแบบงงๆ ซึมซับชีวิตคน ลาซา แบบไม่ใช่โซนเมืองดี

เราก็ทำซ่า ไม่นั่งแล้วรถเมล์สายเดิม นั่งสายใหม่แถวนั้นดีกว่า เจอกระเป๋ารถเมล์ใจดี

อกทางกลับวัดโจคังให้เรา (เพราะเรานัดเพื่อนผู้ชายไปเจอ Summit เจ้าเก่า ฮ่าฮ่า) กระเป๋ารถเมล์ดีมาก

จนประทับใจในเมืองนี้ วันสุดท้ายนี่แหละ เพราะที่ผ่านมาออกจะเฉยๆ ว่าแบบนี่หรือทิเบตที่ทุกคนฝันถึง

สุดท้ายแล้วทุกอย่างอยู่ที่ทัศนคติ ว่าเราจะเข้าใจวิถีชีวิตเค้าแค่ไหนมากกว่า

นักท่องเที่ยวต้องเปิดใจ

กลับมาที่การท่องเที่ยวของเพื่อนผู้ชายบ้าง มันเล่าว่าเดินเล่นแถวนั้น

เข้าตรอกซอกซอยไปเจอแผงขายเนื้อ ร้านขายของประหลาดๆเยอะ (ฟังมันพูดแล้วก็อยากไปนะ)

แถมมันได้ซื้อของที่ระลึกด้วย (ภารกิจของ จขกท.คือ ซื้อหินของพ่อให้ได้

เป็นหินทิเบตที่พ่อฝากซื้อ เพื่อนก็เลยพาไปซื้อ ฮ่า) มาดูรูปกัน

ชีส หลายแบบมาก มีบูลชีสด้วย โอ้โอ้

สุดท้ายเรากลับมาเดินเจอกันตามที่เล่า เดินซื้อของหินของพ่อ

จตุรัสหน้าวัดโจคังเริ่มปิดไฟไล่ ร้านขายของก็กลับบ้าน (ควรซื้อเวลานี้เค้าลดราคา ฮ่าฮ่า)

ภารกิจเดิมๆ คือ วันนี้ต้องไปถ่ายพระราชวังตอนกลางคืนแบบมีขาตั้งกล้อง

อันนี้เป็นแถวสวนหน้าพระราชวัง ไฟมันเสี่ยวดี ถ่ายเป็นที่ระลึก คือ เวลาว่างเยอะไง

วันนี้แบบมีขาตั้งกล้อง การจัดแสงนี่เก่งจัง ไม่ด่างเลยๆ

ท่าปัญญาอ่อนฉบับโกกราฟ ฮ่าฮ่าฮ่า

บรรยากาศแถวนั้น อากาศเย็นๆด้วย โรแมนติกๆ

ด้านหลังมีน้ำพุเหมือนเดิม การแสดงแสงสีเสียง ฟังเพลงจีน ไพเราะ อากาศก็ดี สนุก

น้ำพุและพระราชวัง : )

กิจกรรมของวัยรุ่นที่นี่คือ เดินไปกลางน้ำพุ หลบยังไงก็ได้ให้พ้นไม่เปียก เราก็บ้า

ทำบ้าง สรุป ได้รูปมาเท่ๆ คนไทยเท่ๆยืนกลางน้ำพุ แต่กางเกงเปียก ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าลืมไปทำกันนะ สนุกดี 🙂

ขากลับเราไป Spinn cafe อีกครั้ง และแน่นอนเจอปีเตอร์ นี่ขนาดอีกคาเฟ่นึงแล้วนะ !!

นี่คงเป็นวันสุดท้ายจะได้เจอปีเตอร์แล้ว น่าเสียใจ พรุ่งนี้ปีเตอร์ก็ไปเนปาลแล้วเหมือนกัน สนทนากัน

จนสุดท้ายเราก็กลับโรงแรมเน่าเหมือนเดิม (เจอแท็กซี่ดิสโกเธคด้วยนะ 555 ) คืนนี้เป็นคืนที่สนุกและ

ประทับใจสุดที่อยู่ใน ลาซา แล้ว เหมือนเราเพิ่งมาพบเจอความเจ๋งของเค้าตอนท้าย เช้าวันต่อมา

เราก็ตื่นแบบชิวๆ ต้องกักตุนอาหารเพื่อรถไฟอีกแล้ว แล้วดูการแต่งตัว..มันไปเมืองเดียวกันรึเปล่าเนี่ย

ไกด์ก็มารับเรา พาไปซื้อของกักตุน แล้วก็มาส่งที่สถานีรถไฟพร้อมตั๋วไปเซี่ยงไฮ้

เราบอกลากับไกด์ ขอบคุณที่ดูแลเรา ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายเพื่อไปเซี่ยงไฮ้

ข้างในสถานีรถไฟ ลาซา หรูหรา ใหม่ ไฮโซ สวยงาม เราไปถึงก่อนเวลาอย่างเยอะ (ทีคราวนี้หล่ะเร็วเชียว)

ข้างในสถานี โซนนั่งรถ คนก็มากันแล้ว อุ่นใจจริงๆมาทัน 😀

ได้เวลา เคลื่อนตัวสู่ที่แห่งใหม่

จบไปแล้วกับตอนที่ชื่อว่า What Happens in Lhasa 

คู่มือเที่ยวพร้อมเวลารถไฟ ลาซา อยู่ที่นี่แล้ว

ตอนหน้ากลับสู่การนั่งรถไฟ คราวนี้นั่งไกลกว่าเดิม ยาวกว่าปักกิ่ง ลาซา เพราะเราจะไป ลาซา เซี่ยงไฮ้ ติดตามกันต่อไป !

*****

วิดีโอการเดินทางของเราค่ะ ทาง Youtube 

สำหรับตอนนี้

17.BEIJING -TIBET 5/6

18.BEIJING -TIBET 6/6

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

RELATED STORIES