นาโกย่า – สวัสดีกันอีกเช่นเคย และเป็นอีกครั้งที่เราไปญี่ปุ่น !! ซึ่งปีนี้เราเลิกนับไปแล้วว่าไปกี่ครั้ง เป็นประเทศที่ไปบ่อยสุดเลยจริงๆ ยอมใจความญี่ปุ่นจนต้องไปหลายๆ รอบ ซึ่งคราวนี้เรากลับไปที่ ‘นาโกย่า’ หลายๆ คนคิดว่าเมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่จริงๆ แล้วคือนาโกย่านี่รับบทบาทเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นเลยนะ แต่รอบนี้เราออกไปเก็บเมืองข้างเคียง เรียกได้ว่าฟินสุด ธรรมชาติแบบสงบๆ มาเต็มแน่นอน
ส่วนแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งกินคือเยอะมาก ซึ่งเราเคยรีวิวร้านอาหารอร่อยๆ ไว้ที่ในรีวิวนี้แล้ว https://go-graph.com/gograph-x-jnto-ep-nagoya/
Fly to Japan with Thai AirAsia X
จะปีใหม่ปลายปีนี้หรือว่าปีใหม่ไหนๆ ก็ตาม จองตั๋วเครื่องบินบินตรง ดอนเมือง – ญี่ปุ่น กับเส้นทางสุดฮิตต่างๆ มากมาย รวมถึงนาโกย่าด้วยนะ หรือใครมีแพลนจะไป ฟุกุโอกะ นาโกย่า โตเกียว โอซาก้า ซัปโปโร ก็แวะเข้าไปจองกันได้เลย https://www.airasia.com/th/th
Gujo
เมืองเก่าเมืองแก่ของญี่ปุ่น อีกนิดนึงก็เกือบจะตั้งอยู่ตรงกลางของจังหวัดกิฟุ ทริปนี้เราไปมาหลายเมืองมาก แต่ถ้าถามว่าชอบบรรยากาศของเมืองไหนสุด คือผายมือไปที่กุโจเลย มีทั้งภูเขามีทั้งสายน้ำไหลผ่านเมือง แถมยังมีไอคอนิกประจำเมือง ‘ปราสาทกุโจฮาจิมัง’ ที่ถูกขนามนามว่าเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งในบางครั้งจะมองเห็นว่าปราสาทนั้นล่องลอยอยู่เหนือม่านเมฆ ราวกับว่าเป็นปราสาทบนสวรรค์ เด่นตระหง่านอยู่บนยอดเขาไกลๆ อีกทั้งกิจกรรมขึ้นชื่ออย่างเวิร์คชอปทำอาหารจำลอง ซึ่งทำมานานกว่า 80 ปีแล้วนะ
Sogian Cafe
คาเฟ่บรรยากาศดีที่สุดในเมือง เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำ Kodara แถวๆ สะพานส้มประจำเมืองเลย เป็นคาเฟ่ที่มีดีตรงชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นพาร์เฟ่ต์ชาเขียวรสชาติกลมกล่อม มีซอฟต์ครีมนุ่มท็อปด้านบนผสมกับเจลลี่นิ่มๆ หรือจะเป็นเค้กชาเขียวพอให้หวานนิดๆ พร้อมเนื้อเค้กละลายในปาก และเครื่องดื่มล้างปากอย่างชาเขียวเย็นเสิร์ฟให้จิบกันก่อนกลับอีกด้วย
Kamagataki Waterfall Chaya
อันนี้คือดีมาก พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรกคือประทับใจสุด เป็นร้านโซเมงรางน้ำใกล้น้ำตกที่มีบรรยากาศฟินๆ คือเขาบอกว่าต่อให้เป็นหน้าร้อนก็ยังเย็นแบบนี้ตลอดเวลา ช่วงที่เราไปมาคือใบไม้กำลังเปลี่ยนสีนิดๆ เดาเลยว่าถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบปังๆ มันน่าจะสวยมากแบบไม่มีใครมาแย่งถ่ายรูปแน่นอน เพราะนอกจากเราก็ไม่มีนักท่องเที่ยงคนอื่นละนะ แถมข้างๆ ยังมีเส้นทางให้เดินป่าขำๆ ให้เราเข้าไปเจอกับเสา Torii ที่มีแบคกราวด์เป็นน้ำตกอีกด้วย
Flower Festival Commemorative Park
ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งสวนกุหลาบ เพราะสวนแห่งนี้คือมีแต่กุหลาบจริงจังมาก ถามว่าจริงจังขนาดไหน ? ทั้งหมดคือมากกว่า 30,000 ช่อ จาก 7,000 กว่าสายพันธุ์ ซึ่งช่วงพีคจะเป็นปลายเมษายน – มิถุนายน สะพรั่งกันทั้งสวน
Seki Hamono Museum
พิพิธภัณฑ์ประเพณีการตีดาบเซกิจะแสดงให้เห็นถึงเทคนิคของช่างตีดาบที่มีมากว่า 700 ปี บางวันมีการจัดการแสดงการตีดาบญี่ปุ่นแบบโบราณ และสามารถชมการตีดาบ ชมประกายไฟพวยพุ่งออกมา โดยช่างตีดาบที่สวมใส่ชุดขาวจะตีค้อนขนาดใหญ่ลงไปที่วัตถุดิบ และภายในยังมีร้านขายมีด ดาบ กรรไกร คือรวมของมีคมทั้งหมดเท่าที่จะนึกออกได้ ทุกอย่างคมมากๆ อยากได้มีดดีๆ ติดตัว ติดบ้านไว้ แนะนำว่ามาที่เมืองเซกิ แห่งนี้ จะได้มีดคู่ใจไปแน่นอน
Stay Yoshidaya
โรงแรมใจกลางเมือง Gujo ห้องไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป มีทั้งห้องพักปกติและแบบเรียวกังเลยนะ มีห้องอาหารไว้บริการ ซึ่งมื้อเย็นเราก็กินที่โรงแรมนี่แหละ อีกอย่างโลเคชั่นคือใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ต แถมเดินไม่กี่ก้าวถึงสะพานแดงที่ข้ามแม่น้ำ Kodara ได้เลย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.yoshidayaryokan.com/index_e.php
Takayama
เป็นอีกเมืองสำหรับคนชอบบรรยากาศญี่ปุ่นแบบคลาสิคๆ จากสถานทีสามารถเดินไปถึงย่าน Old Town ได้เลยชิวๆ ชมเมืองได้สบาย หรือใครจะเช่าจักรยานขับก็ได้นะ แต่เราแนะนำให้เดินเอาจะสะดวกกว่า เพราะต้องเดินไป ชิมไปตลอดทาง ไม่รู้จะเอามือไหนขี่จักรยานแล้วเนี่ย 555 ถ้าถามว่าร้านไหนอร่อยก็ดูคิวร้านนั้นเลยจ้า แต่ที่ห้ามพลาดเลย คือเนื้อ Hida ตามชื่อเมืองเก่า และต้องเป็นที่ร้าน Kyoya ด้วยนะ ดังและเด็ดสุดแล้ว
Kyoya Restaurant
มาแล้วต้องแวะมากินเนื้อที่ร้านนี้ ห้ามพลาดเลยจริงๆ ฟินหนักมากกกก ห้ามพลาดเลย คือเนื้อ Hida ตามชื่อเมืองเก่า และต้องเป็นที่ร้าน Kyoya ด้วยนะ ดังและเด็ดสุดแล้ว
Streamer Coffee Company
ร้านกาแฟที่ตกแต่งมาได้กลมกลืนกับบรรยากาศเมืองเก่ามาก เดินจากสถานีรถไฟ Takayama ประมาณ 2 นาที ออกจากสถานีมาที่ร้าน ซื้อกาแฟสักแก้วเดินเที่ยวในเมืองชิลล์ๆ
Hida Futukawa
ถึกถักเอาเองว่าหลายคนน่าจะรู้จัก อนิเมชั่นชื่อดังของทางญี่ปุ่นอย่าง ‘your name’ กันอยู่แล้ว หลายซีนที่ปรากฎในอนิเมชั่นเรื่องนี้คือถูกดัดแปลงมาจากโลเคชั่นจริงของเมือง Hida Futukawa เลย ไม่ว่าจะเป็นมุมสูงจากสถานีรถไฟ หรือรถแท็กซี่ด้านหน้าสถานี หลายๆ คนที่อินกับอนิเมชั่นเรื่องนี้คือมาตามรอยกันทั้งนั้น อีกอย่างเมืองนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องคลองปลาคราฟ และชมได้เฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น เพราะหน้าหนาวคือจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทางเมืองเขาเลยต้องย้ายปลาคราฟไปไว้ที่อื่นจ้า โดยรวมคือเป็นเมืองเล็กๆ สงบๆ นักท่องเท่ียวน้อย เหมาะเป็น Day Trip จาก Takayama มากกว่าจะมานอนพัก
Kamioka Rail Mountain Bike – Gattan go
อันนี้ชอบมาก เป็นกิจกรรมที่เพลินสุดๆ ปั่นจักรยานบนรางรถไฟเก่าที่ เมืองฮิดะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งปัจจุบันคือเขาไม่ใช้งานแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแทน ปั่นชิลล์ๆ วิวเต็มสิบไปเลย ระยะทางไปกลับประมาณ 5.6 กิโลเมตร หรือเกือบๆ 1 ชั่วโมง จากสถานีเก่า Okuhida-Onsenguchi ถึง สถานี Kamioka-Kozanmae ไม่ต้องกลัวเหนื่อยเลยเพราะเขาเป็นแบบ Hybrid Bike ช่วยผ่อนแรงสบายๆ
ดูรายละเอียดได้ที่ https://rail-mtb.com/en/
Magome-juku
มีเรื่องราวในอดีตเล่าขานกันมาว่าชื่อที่พัก ‘มะโกะเมะ’ นั้นว่ากันว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงโรงแรมจำเป็นต้องทิ้งม้าไว้ที่โรงแรมเนื่องจากเส้นทางและถนนสูงชันมากจนไม่สามารถพาม้าเดินทางต่อไปได้ บนทางเดินมีหินปูเรียงรายและมีบ้านเรือนเก่าแก่สองฟากฝั่งที่มีหน้าต่างระแนง, พิพิธภัณฑ์, ร้านชาและร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น บ้านที่ตั้งเรียงรายยาวต่อเนื่องนั้นทำให้รู้สึกราวกับว่าได้อยู่ในสมัยเอโดะ
Chicory Village (Chestnut Squeezing Workshop)
ใกล้ๆ เมืองนี้ยังมีแหล่งเวิร์คชอปมากมาย แต่ที่ขึ้นชื่อคือการทำ ‘เกาลัด’ ซึ่งถือเป็นของแพงของที่นี่ เพราะจะมีแค่ช่วงเดียวในรอบปีที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ก็นั่นแหละยอมใจความญี่ปุ่น คราฟต์หนักมาก
Ena Valley Cruise
ล่องเรือชมหุบเขาเอนะ (Ena Valley) อันนี้ก็วิวสวยดี แต่ถ้าเป็นช่วงปกติใบไม้ยังเปลี่ยนสีเราว่าเฉยๆ นะ ไม่ได้ว้าวอะไร แต่ถ้าให้ลองจินตนาการถึงช่วงพีคๆ ใบไม้เปลี่ยนสีทั้งหุบเขาเราว่าสวย ระหว่างที่ลองเรือก็จะเจอหินรูปทรงแปลกตาตามหุบเขาที่ล่องเรือผ่าน ข้างๆ มีสวนให้เดินเล่นได้ และร้านอาหาร Korakuen ที่เราแวะเข้าไปทาน ถือว่ารสชาติดีเลย
Nagoya
หลายๆ คนคิดว่าเมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่จริงๆ แล้วคือนาโกย่านี่รับบทบาทเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นเลยนะ แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งกินคือเยอะมาก ซึ่งเราเคยรีวิวร้านอาหารอร่อยๆ ไว้ที่ในรีวิวนี้แล้ว https://bit.ly/2Pyfm0h ไปตามรอยกันได้เลย
Osu Shopping District
เป็นถนนชายช้อปปิ้งที่ใหญ่สุดในนาโกย่ามีร้านค้ามากกว่า 400 ร้านตลอดทาง และของกินก็เยอะมากเช่นกัน แต่จะไม่ใช่ถนนสายแบรนด์เนมนะ เหมาะที่จะมาซื้อของฝากมากกว่า พวกเสื้อผ้า ของเล่น รองเท้า แบบนี้คือมีเต็มจ้า
Higashiyama Zoo & Botanical Garden
อย่าพึ่งงงกันนะว่าเรามาเดินสวนสัตว์ทำไม ? จริงๆ คือมาสำรวจโลเคชั่นแบบไม้เปลี่ยนสีเพราะมีคนแอบบอกมาว่าที่นี่น่าจะสวย ซึ่งพอเรามาเดินดูจริงๆ ก็ขอฟันธงให้เลยว่าสวยงามแน่นอน ซากุระก็มีใบไม้เปลี่ยนสีก็ดูได้ เรียกได้ว่ามีครบ ไม่ต้องหลบคนเพราะนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมามีแต่คนญี่ปุ่นทั้งนั้น เพราะอีกโซนนึงจะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ พื้นที่กว้างมาก และที่นี่ยังเป็นแหล่งเพาะโคอาล่าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
วิธีการเดินทางมายังสวนสัตว์ โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Higashiyama Koen ทางออก 3 แล้วเดินตรงไปยังประตูทางเข้าสวนสัตว์ระยะทางประมาณ 150 เมตร ก็จะเห็นป้ายใหญ่
Parco Shopping Mall
เราแวะมาช้อปที่ห้าง Parco ซึ่งอยู่ในย่าน Sakae เป็นอีกย่านช้อปที่มีแบรนด์เนมเต็มไปหมด ที่นี่แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง niko and… BEAMS United Arrows และอื่นๆ อีกเยอะ ส่วนโซนอาหารจะอยู่ชั้น 5 เราเลยแวะหาอะไรกิน ซึ่งมาจบที่ร้านราเมงไก่ซุปเผ็ด (จริงๆ คือไม่เผ็ดแบบพริกเรา) ก็มีความสไปซี่นิดๆ อร่อยคอนเฟิร์ม
Nagoya Castle
มาถึงนาโกย่าก็ต้องมาที่ปราสาทถึงจะบอกคนอื่นได้ว่าฉันมาแล้ว !! เราอยากบอกว่าปราสาทนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่เราชอบที่สุด ปราสาทนาโกย่าสร้างในช่วงยุคเริ่มต้นของเอโดะ สมัยตระกูลโตกุกาว่า เป็น 1 ในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ช่วงสงครามโลก ปี 1945 ได้ถูกทิ้งระเบิดลง ทุกอย่างคือพัง แต่ปี 1959 ก็ค่อยๆ เริ่มบูรณะทีละอย่าง ตอนนี้ปราสาทเสร็จแล้วนะ ซึ่งที่เราไปมาเหมือนเขาบูรณะข้างในอยู่ เลยเข้าชมไม่ได้ เอนจอยถ่ายรูปกับนินจาวนไป
Illumination : Nabana no Sato
อันนี้ไม่อยู่ในนาโกย่า ต้องนั่งรถออกไปที่จังหวัด Mie แต่เดินทางจากนาโกย่าได้ง่าย เดินทางโดยทาง มานั่งรถไฟสาย Kintetsu จาก Nagoya Station ไปลง Nagashima Station แล้วต่อรถบัสไปลงที่ Nabana no sato ไฮไลท์อันดับ 1 ของที่นี้คืออุโมงค์ไฟที่ประดับไฟมากกว่าล้านดวง ยาวเกือบ 500 เมตร ยาวมาก อลังการมาก ใครอินถ่ายภาพ Portrait นี่คือครีเอทมุมกันไป โบเก้ละลายแบบเนียนๆ พอสุดอุโมงค์ก็จะเจอกับลานที่แสดงไฟพร้อมเสียงดนตรี ตอนเราไปอากาศกำลังดีไม่หนาวจนตัวสั่น ก็นั่งชมยาวๆ แบบฟินมาก