[Go!Graph x TAT] ขับรถเที่ยว นครนายก 2018 ซุ้มไผ่ คาเฟ่ กิจกรรมครบ

[Go!Graph x TAT] ขับรถเที่ยว นครนายก 2018 ซุ้มไผ่ คาเฟ่ กิจกรรมครบ

จังหวัดนครนายก เดินทางแค่ 1 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ ทุกคนสามารถไปเที่ยวได้ง่ายๆ ใช้เวลาแค่วันเสาร์-อาทิตย์ รอบนี้เราเดินทางไปกับเพื่อนๆอีก 3 คน ขับรถไปเองกันชิลล์ๆ ออกเดินทางสายๆวันเสาร์ และวางแผนกลับเย็นๆวันอาทิตย์ ก็เลยได้โปรแกรม 2 วัน 1 คืน ออกมาตามนี้


Check Point 1 : ซุ้มป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม

นครนายก หรือ เกียวโต !! ประเดิมที่แรกหลังจากเห็นรูปมาซักพักก็ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง กับซุ้มป่าไผ่ที่ให้บรรยากาศร่มรื่นและสงบ ตัวซุ้มเป็นแนวทางยาวหลายร้อยเมตร และยังคงความเขียวสดใส สำหรับที่นี่ก็จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แวะเวียนมาถ่ายรูปกัน

ก็ถ้าใครอยากได้รูปสวยๆ มีเทคนิคให้ถ่ายมุมเงยนิดๆให้เห็นเฉพาะพื้นหลังสีเขียวนะ ส่วนด้านหลังเป็นพระอุโบสถที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่ถ้าเสร็จแล้วน่าจะสมบูรณ์กว่าเดิมแน่นอน

Check Point 2 : พ.ฟาร์ม ดับร้อน/เมลอน/ทานขนม/ชมสวน

เมลอนอาจจะไม่ใช่ของที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงจังหวัดนครนายก แต่ก็เป็นการบุกเบิกตลาดทางการเกษตรอีกทางหนึ่ง โดย พ.ฟาร์มเป็นสวนเมลอนที่ผสมผสานเข้ากับร้านขนมที่จะมีกิจกรรมเวิร์ตชอปเล็กๆน้อยๆให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำ ทั้งการทำสาคูเมลอน พาย หรือ ลองปลูกต้นเมลอน

แต่ถ้าใครหิวๆ หรือร้อนจากการเดินทาง ลองเข้ามาที่นี่ แล้วจะได้รับแต่ความสดชื่นจากความหวานของเมลอนกลับไปแน่นอน แนะนำมีบิงซูเมลอน เมลอนปั่น หรือซาลาเปาเมลอน ที่ราคาไม่แรงเลย

 

ทานของหวานกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาแวะเข้าไปเยี่ยมในฟาร์ม ขนาดไม่ใหญ่ เดินได้ทั่วๆ ด้านในแสงดีเหมาะแก่การถ่ายรูป แต่อย่าลืมปิดประตูทุกครั้งเพื่อกันแมลงนะ แต่เอาจริงๆก็คืออยู่นานไม่ได้เพราะความเป็นเรือนเพาะปลูก ด้านในนี่ก็ซาวน่าดีๆนี่เอง ออกมาเหงื่อซกๆ จากในรูปที่จะเห็นมีดอกไม้สีม่วง เค้าปลูกเพื่อไล่แมลงในเรือนเพาะสลับกับปลูกต้นเมลอน โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงเลย ดีจัง!!

Check Point 3 : สะพานทุ่งนามุ้ย แวะถ่ายรูป / สะพานไม้ไผ่โค้ง / ผลิตภัณฑ์จากชุมชน

อีกหนึ่งที่สำหรับนั่งพัก ทานอาหาร น้ำ กาแฟ กับบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียว เดินเล่นไปตามสะพานไม้ไผ่โค้ง เลือกชม/ซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรจากชุมชนในราคาย่อมเยาว์ เดินไปสุดสะพานก็มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเกษตรให้ดู และถ้าใครอยากได้รูปมุมทุ่งนาพร้อมแนวโค้งสะพาน ขอคุณพี่เจ้าของได้เลย ใจดีมากๆ

 

Check Point 4 : อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ พระอาทิตย์ตกดิน นั่งรับลมยามเย็น แสงสวยสะท้อนน้ำ

โปรแกรมสุดท้ายที่เหมาะกับการนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน นั่งรับลมที่อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ แสงยามเย็นที่สะท้อนน้ำ มองเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็ใกล้มืดแล้ว

Check Point 5 : Villa Panalai รร.น่ารัก อาหารเช้าฟูลออฟชั่น เจ้าแมวขี้อ้อนx3

ห้องน่ารักมาก บอกเลยว่าจองไปเอง ไม่ได้คาดหวังขนาดนี้ คือเป็นบ้านหลังๆ ราคาก็ 1,000+ แต่คือ ฟูลออฟชั่นยันอาหารเช้า คือแทบไม่อยากจะออกจากรร. อยู่ดีกินดีสุดๆ แถมแมวและหมาที่นี่เป็นมิตรสุดๆเกี่ยวขาไม่อยากให้กลับบ้านด้วยนะ โคตรอ้อน

Check Point 6 : เขื่อนขุนด่านปราการชล กำแพงยักษ์ไททั่น เดินชมสันเขื่อนท้าแดด!!

เขื่อนที่มีชื่อเสียงมาสักพัก เอาจริงๆเราเองมาหลายรอบมากกกกกก ยังคงประทับใจกับกำแพงยักษ์ที่เห็นทันทีเมื่อขับรถเข้ามา ขับรถขึ้นไปจอดด้านบนเพื่อชมวิวสันเขื่อน มีทางเลือกให้ทั้งเดินชม นั่งรถราง (คนละ 30 บาท) หรือเช่ารถกอล์ฟ ชม.ละ 350 บาท ช่วงนี้หลังหน้าร้อนน้ำก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พวกแนวดินโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ ก็สวยไปอีกแบบแต่อย่าลืมติดหมวกไปด้วยนะเพราะแดดนครนายกก็ไม่ปรานีใครจ้า

 

Check Point 7 : รร.นายร้อยจปร. กิจกรรม Adventure ยิงธนู/ยิงปืน/อื่นๆ

โรงเรียนนายร้อยจปร. เป็นสถานที่ดังของนครนายก นอกจากตัวรร.เอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาทำกิจกรรมโลดโผนต่างๆที่จัดขึ้นได้ เช่น ยิงธนู ยิงปืน ที่พวกเราได้มาลอง นอกจากนั้นก็ยังมีแนวโดดหอ ห้อยตัวข้ามน้ำ ฯลฯ ซึ่งราคาก็ไม่แพงเลย

อย่างกิจกรรมยิงธนู จะคิดเป็นชุดลูกธนู 12 ลูก ราคา 50 บาท มีผู้ฝึกสอนเทคนิคและการยิงด้วย ส่วนการยิงปืน จะแบ่งตามชนิดปืนที่เราเลือกมีตั้งแต่ปืนลูกโม่ ปืน 9 มม. ปืน.45 ราคาก็จะแตกต่างกันไป แต่จะเป็นราคาต่อลูกปืน 10 ลูกเริ่มต้นที่ 200 บาทเท่านั้น!!!!

และถ้าใครแวะเข้ามาในแถบรร.นายร้อยจปร.แล้ว ไม่ต้องไปหาร้านอาหารไกล เลียบถนนเส้นหลักจะมีร้านเด็ดที่เราไปลองมา 2 ร้าน คือ ร้านไก่ย่างดีดี สั่งเลยอร่อย แต่อย่าลืมสั่งของเด็ด ข้าวเหนียวดำนิ่มๆร้อนๆ และ ตำหมูกรอบ กรอบจนต้องสั่งเบิ้ลอะ ส่วนอีกร้านถัดมานิดนึงเป็นร้านไม่ใหญ่ ร้านข้าวขาหมูป้าจอย ขายข้าวขาหมูกับก๋วยเตี๋ยว ราคาดี อิ่มและอร่อยเหมือนกันเลย

Check Point 8 : กาแฟสวนป้าอินทร์ ตลาดดอกไม้คลอง 15 ชิมกาแฟ ชมตลาดต้นไม้ก่อนกลับบ้าน

ก่อนกลับกรุงเทพฯ เส้นทางที่ผ่านอ.องครักษ์เส้นที่เลียบคลองมาตรงคลอง 15 ถ้าแวะกลับรถซักนิดจะมีตลาดไม้ดอกไม้ประดับเป็นทางยาวหลายกิโลเมตรให้เราได้เลือกซื้อก่อนกลับบ้าน หรือแวะเข้ามาชมบรรยากาศสีเขียวชะอุ่มของพืชพรรณในร้านกาแฟสวนป้าอินทร์ที่มีทั้งไม้ใบจำพวกเฟิร์นหลากชนิดหรือกระบองเพชรหลากหลายพันธ์ หรือจิบโกโก้เย็นรสชาติเข้มข้นคลายร้อน

Check Point 9 : Montreux Cafe การผสมผสานวัฒนธรรมและกิจกรรมน่ารักกับร้านกาแฟ

ตัวอาคารที่โดดเด่นมาแต่ไกล เข้าซอยมาเล็กน้อยจากเส้นเลียบคลองจะอยู่ในบริเวณใกล้ๆกันกับตลาดดอกไม้แต่คนละฝั่ง ภายในร้านตกแต่งไปด้วยเฟิร์นสีเขียว แต่ที่น่าสนใจของที่นี่นอกจากตัวร้ายกาแฟ คือด้านในมีพื้นที่กว้างมาก และยังมีกิจกรรมที่แสดงวัฒนธรรมความเป็นไทย ให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำเช่น การทำไข่เค็ม การปลูกพืช ผัก แล้วนำกลับบ้าน กิจกรรมดำน้ำ และการขายผลิตผลทางการเกษตรที่ได้จากสวนเองด้านใน เข้าไปอีกก็จะมีการเลี้ยงเป็ด ไก่ มีเรือพายด้วยนะ เรียกได้ว่ากิจกรรมหลากหลายมากๆ

ใครไม่รีบกลับบ้านรับรองมีอะไรให้ทำอีกเพียบที่นี่ ชอบมากๆ

 

Chevrolet Trailblazer ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

สำหรับการเดินทางแม้ว่าจะเป็นเส้นทางสั้นๆ แต่เรื่องรถก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ทริปนี้  Chevrolet Trailblazer Z71 เหมาะกับพวกเรามากๆ เพราะขนาดเพื่อนผู้หญิงขับยังไม่มีปัญหา มีระบบที่ช่วยซัพพอร์ตการเดินทางทั้งกล้องหลัง ไฟเตือนด้านข้าง ที่นั่งได้ถึง 7 ที่นั่งแต่ในเมื่อเราไปแค่ 4 คน ที่เหลือคือนอนสบาย แอร์เย็นฉ่ำมีแอร์หลังให้ปรับเองตามใจชอบอีกต่างหากขึ้นรถมาคือหายร้อนอะ มีระบบ GPS และเชื่อมต่อ Wifi ฟังเพลงได้ง่ายๆ

แถมจุของจุกล้องและสารพัดอุปกรณ์ของพวกเราที่เป็นบ้าหอบฟางได้สบายๆ ทำให้เที่ยวสนุกตลอดทริปเลย

แค่ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมแก๊ง วันหยุดธรรมดาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับคนที่ต้องการหาที่เที่ยวพักผ่อนในเวลาสั้นๆ เดินทางไม่ไกล ให้นครนายกเป็นตัวเลือกนั้นดูนะ 😀

ส่วนใครสนใจอยากไปลองสัมผัสแบบที่เราไป ดูรายละเอียดได้เลยที่เว็บไซต์ของการท่องเที่ยวให้ประเทศไทย (ท.ท.ท.) >> https://thai.tourismthailand.org/home

 

#นครนายก #AmazingThailand #Amazingไทยเท่
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #ท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง 
#สีสันตะวันออก #Mushroomgroup

Tags Cloud

แชร์เนื้อหา
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest