ซินจ่าววววว สวัสดีแค่คำทักทายก็คงรู้แล้วว่าไปที่ไหนกัน ต้องเป็น เที่ยวดานัง แน่นอน เพราะช่วงนี้เขาฮิตไปกันเหลือเกิน เพราะ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เพิ่งเป็นเส้นทางใหม่บินตรงสู่ ดานัง ทุกวันแล้วนั้นเอง
FD 636 ดอนเมือง – ดานัง 10.00 – 11 .30
FD 637 ดานัง – ดอนเมือง 12.00 – 13 .30
ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ใกล้มากๆ ไม่ต้องรอช้ารีบเดินทางไป เที่ยวดานัง กับเราเลยดีกว่า
เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นก็ถึงดานังแล้ว เที่ยวดานัง มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ ทั้งเมืองเก่า ทะเล และภูเขา เราเลือกที่จะเดินทางไปที่ภูเขาก่อนเลย เขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของดานังคือ Ba Na Hill บาน่าฮิลล์ เป็นเขาที่สูงที่สุดในดานัง และสามารถชมวิวเมืองดานังทั้งเมืองได้จากบนยอดเขาเลยทีเดียว
เราได้ทำการจองที่พักกับโรงแรม Mercure Banahills French Village เป็นโรงแรมแห่งเดียวบนเขาบาน่าฮิลล์ เราอยากบอกเลยว่าให้จอง เพราะราคาไม่แพงราคาตก 2000 ต้นๆ แต่คุ้มแน่นอน และเราสามารถอยู่บนเขาได้ตลอดทั้งคืน คือ ช่วงเย็นและช่วงเช้าจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวมา มีเฉพาะคนที่พักบนโรงแรมเท่านั้น ถึงอยู่ได้ ทำให้บรรยากาศดีสุดๆ
วิธิการเดินทาง
บาน่าฮิลล์ห่างจากสนามบินประมาณ 22 กิโล
เราเอาวิธีที่ง่ายที่สุด คือ ให้รถโรงแรมมารับ แต่เสียค่าใช้อาจแพงหน่อย แต่ไม่โดนโกงแน่นอน
อีกวิธีคือต้องไปด้วยแท็กซี่ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 VND (10,000 VND = 15 BHT) แนะนำว่าให้ใช้ Grab จะได้ราคาที่ตรง แท็กซี่จะไม่พาอ้อมโลกเพื่อเพิ่มค่าโดยสาร เราโดนมาแล้วไง
พอไปถึงสถานีรถเคเบิ้ลด้านล่าง จะมีทั้ง 3 สถานี จะมีอันหลัก และสถานีสำหรับคนที่มาพักที่ Mercure แต่ราคาขึ้นเคเบิ้ลก็เสียเท่ากันอยู่ดีแค่ขึ้นไปคนละเส้นเท่านั้น ราคาผู้ใหญ่ 650,000 VND เด็กเล็ก 550,000 VND
จ่ายตังค์แล้วก็ขึ้นไปเลย เคเบิ้ลคาร์ที่นี้ได้จดบันทึกกินเนสบุ๊คว่าเป็นเคเบิ้ลคาร์แบบไม่หยุดพักที่สูงและยาวที่สุดในโลก และเราว่ามันก็เร็วสุดๆด้วยนะ
ใช้เวลาขึ้นประมาณ 20 นาทีก็จะถึงยอดเขา ตลอดที่ไต่ขึ้นไปจะเห็นน้ำตก และวิวเมืองดานังทั้งหมด
แล้วก็มาถึงแล้วจุดแรกคือ French Village เป็น Theme Park ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1920 นานมาก ตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสยังปกครอง เป็นที่พักตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในสมัยนั้น ต่อมาก็ปรับเปลี่ยน และปรับปรุงเรื่อยๆ
เราเข้ามาเช็คอินที่ Mercure Bana Hills French Village ก่อนเลย
บรรยากาศของโรงแรมก็แบบฝรั่งเศสยุคกลางเลย
ห้องจะแบบสไตล์ฝรั่งเศสยุคกลางแบบโมเดิร์น มีความไฟสลัวๆหน่อย ห้องพักถือว่าดีมาก เทียบกับราคาแล้ว มาเวียดนามได้ห้องพักที่ดีในราคาไม่แพงเสมอ
เช็คอินออกมาด้านนอก ช่วงกลางวันคนจะค่อนข้างเยอะ นักท่องเที่ยวมาที่นี้มากเพราะอากาศจะเย็นทั้งปี
ทุกวันจะมีการแสดง ขบวนพาเหรด 2 รอบ 11 โมง และช่วงบ่าย 2
ตลอดทางก็จะมีนักแสดงค่อยเล่นเพลง แสดง ให้บรรยากาศฝรั่งเศส
มาเริ่มที่โซน French Village เป็นหมู่บ้านฝรั่งเศส โซนนี้จะมีพวกร้านอาหารและ โรงแรม คือตามตึกทุกตึก จะเป็นห้องพักที่ซ่อนอยู่ด้านใน
บรรยากาศของที่นี้ทำออกมาได้ดีทีเดียว ดูหลงว่าเป็นฝรั่งเศสจริงๆ
ภายในมีร้านอาหารอยู่หลายร้านอยู่ มีหลากหลายแบบ เบเกอรี่ อาหารยุโรป อาหารเวียดนาม อาหารรัสเซีย เยอะอยู่ มื้อกลางวันเราเลือกมากินที่ L’Etable restaurant
L’Etable restaurant
ร้านอาหารสไตล์เวียดนามโมเดิร์น เป็นอาหารเวียดนามท้องถิ่นเนี่ยแหละ แต่จัดหน้าตาได้ดูดี และรสชาติก็ไม่ธรรมดาด้วย อร่อยมาก เป็นอาหารเวียดนามที่อร่อยจริงๆนะ ถ้าใครกินอาหารที่เวียดนามแล้วจริงๆจะรู้ว่ารสชาติจะไม่เหมือนบ้านเรา เราจะคิดว่าที่ไทยอร่อยกว่า (ฮา) แต่ที่ร้าน L’Etable restaurant เป็นอาหารเวียดนามที่มีการประยุกต์หน่อยแล้วรับรองว่าถูกปากแน่ๆ
ปอเปี๊ยะทอด
สลัดเนื้อจานนี้อร่อยนะ แนะนำเลย
น้ำมะพร้าวผสมมะนาว อร่อยดี
ซุปปู อันนี้ก็อร่อย
จบด้วยคัสตาร์ด กลิ่นหอมไหม้คาราเมล จริงมีข้าวมันไก่แบบเวียดนามด้วย แต่ลืมถ่ายซะงั้น!
ด้านบนของร้านเป็นบาร์เล็กๆ
ร้านเบเกอรี่ จะอบใหม่ๆทุกวันเพราะทำเพื่อใช้ในโรงแรมเมอเคียวด้วย เห็นห้องทำเบเกอรี่ด้านใน ทำกันทั้งวัน แถมอร่อยด้วยนะ
ร้านคาเฟ่อีกร้านหนึ่ง พวกน้ำผลไม้ปั่น มาเวียดนามเราอยากแนะนำพวกน้ำผลไม้ปั่นจริงๆ เพราะเขาใช้ผลไม้สดๆเท่านั้น รสชาติดีมาก
เดินมาส่วนของโบสถ์แน่นอนว่าถ้าฝรั่งเศสต้องจำลองจากโบสถ์นอร์ทเทอดาม แน่ๆ แต่เล็กกว่าเยอะ
ข้างในสวยงามอยู่
ลานดอกไม้ด้านหน้า
จากลานตรงนี้สามารถเห็นวิวเมืองดานังและทะเล
กลับเข้ามาเดินในหมู่บ้านฝรั่งเศสต่อ
เดินมาอีกฝั่งหนึ่ง
บนยอดอีกฝั่งเดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นวัดพุทธของเวียดนาม ลักษณะจะคล้ายของจีน
ระหว่างทางเดินจะร้านชาบรรยากาศดีๆ
Tru Vu Tea Shop
ร้านชาบรรยากาศสบายๆ คอนเช็ปชา คือชารักษาโรค ชาบำรุง มีชาประเภทต่างๆให้เลือก ว่าเหมาะกับผู้ชาย ผู้หญิง บำรุงอะไร มีให้เลือกหลายชามาก ถ้ามีเวลา อยากพักชิวๆ แนะนำร้านชานี้เลยดี
พอเดินขึ้นมาเรื่อยจนถึงวัด Linh Chua Linh Tu จะมีหอระฆังอยู่พอเดินขึ้นจะพบกับวิวแบบ 360 องศาแบบว่าสวยมาก เห็นวิวของบาน่าฮิลล์ได้ครบแบบหมดจด เห็นตัวหมู่บ้านฝรั่งเศสด้วย เหมาะกับที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก เลย
ถึงบาน่าฮิลล์ห้ามพลาดเลย วิวนี้สวยที่สุดจริงๆ
กลับมาที่ตัวหมู่บ้านตอนกลาง คนจะเริ่มหมดล่ะ เหลือแต่คนที่พักด้านบน บรรยากาศดีมาก อากาษก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ เสียดายวันนี้หมอกไม่ลง เลยไม่ได้เห็นอีกบรรยากาศหนึ่ง แต่แบบนี้ก็สวยมากอยู่ดี
บรรยากาศสวยมาก แบบไม่มีคนเลย ถ่ายรูปกันได้หลายมุมเลยทีเดียว
เรามาต่อที่อาหารเย็นเลยดีกว่า เป็นบุฟเฟ่ต์ห้องอาหารของโรงแรมเมอเคียว
La Crique & Café Postal
ตัวหัวละประมาณ 250000 VND ก็ 300 กว่าบาทเท่านั้นเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารหลากหลายพวกอาหารทะเล จะมีปลา กุ้ง ปลาหมึก เนื้อย่างก็มี ผัก ผลไม้ ไม่ต้องพูดถึงเยอะ อาหารเวียดนาม ของหวานก็เยอะ ตอนเย็นแนะนำว่ามาทานทีนี้ คุ้มสุดจริง ทานตั้งแต่ 6 โมงยัน 3 ทุ่มไปเลย ยาวไป
อาหารเวียดนามมีให้เลือกเยอะมาก อร่อยๆทั้งนั้นด้วย
เนื้อย่างมีมาใหม่ตลอด
มุมสลัด ถือว่าเป็นมุมที่ชอบมาก เพราะมีสลัดแบบเวียดนามด้วย ผสมไปผสมมาก็เหมือนส้มตำบ้านเรานี่แหละ
ขนมก็อร่อย ถือว่าดีทีเดียว
ปลาสดๆ ค่อยๆ ย่างทีละตัว
ทานไปได้เลยยาวๆ ดีงามมาก แล้วก็เข้านอน
ตื่นเช้าเรากลับมาปีนวิวบนหอระฆังเหมือนเดิม แบบว่าสวยมาก ไม่ผิดหวังที่ยอมตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น วิวแบบอลังการ ห้ามพลาดๆๆ
วิวอีกด้านหนึ่งของวัดก็สวยมาก
กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันต่อ บอกเลยความดีงามสุดคือพวกผักผลไม้ สดมาก สมเป็นเวียดนาม
เรามาเที่ยวกันอีกฝั่งหนึ่งของ Bana Hill เรานั่งกระเช้าตรงกลางที่เป็นสีเหลืองไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วนั่งรถรางขึ้นไปเพื่อไปสวนดอกไม้ และองค์หลวงพ่อโต
วิวดีเหมือนเดิม จากบนรถราง
เดินไปไม่ไกลถึงหลวงพ่อโต
สวนดอกไม้ Le Jardin D’Amour ที่นี้ปลูกดอกไม้ได้ทั้งปี เพราะอากาศเย็นตลอด ก็มาถ่ายรูปวิว รูปดอกไม้ได้สวยๆ แนะนำว่าให้มาแต่เช้าตอน 8 โมงบรรยากาศจะดีมาก คนยังไม่ค่อยมี แต่ 9 โมงเมื่อไรนักท่องเที่ยวมากันเต็มเลย
ที่นี้มีโรงบ่มไวน์ด้วย มีร้านอาหารให้นั่งจิบไวน์
ลงมาด้านล่าง
หมู่บ้านฝรั่งเศสก็มี วัดก็มี ที่นี้ยังมีสวนสนุกอีก!
Alpine Coaster เป็นรถไฟเหาะแบบเล็กๆ ไม่น่ากลัว เพราะลงอย่างเดียว หมุนไปเรื่อยๆตามรางไม่มีตีลังกา สนุกขำๆดี
Fantasy Park เป็นสวนสนุกในร่ม ด้านในมีเครื่องเล่น ของเล่นเยอะ คือบางทีที่นี้ก็มีอะไรให้ทำเยอะเกินไปนะ 555 ไม่รู้จะไปตรงไหนดี
แล้วก็กลับมาที่ส่วนของโรงแรมต่อ
มีสระน้ำบริการด้วย ความเจ๋งคือเป็นสระน้ำอุ่น คือไม่ว่าอาการจะหนาวแค่ไหนที่นี้ก็ลงเล่นน้ำได้ตลอด ไม่ต้องห่วงเลย แถมสระใหญ่ด้วย มีส่วนผู้ใหญ่ และเด็ก ของเด็ดนี่ใหญ่เป็นพิเศษเลย ฮ่าๆ
ห้องพักของโรงแรมมีหลายแบบมาก มีมากกว่า 300 ห้องเลยทีเดียวแถมยังสร้างเพิ่มอีก เพื่อความต้องการของลูกค้าหลายแบบ อย่างห้องนี้เป็นแบบแฟมมาลี่ พ่อแม่ และลูกสองคน ดีมาก ชอบ
ห้องนี้คล้ายกับโฮลเทลเลย ดีงามมาก แบบมากับเพื่อน 4 คน สามารถพักห้องแบบนี้ในห้องเดียว ประหยัดเงินไปเยอะเลยทีเดียว
เรานอนพักจะถึงเวลาเช็คเอาท์ แล้วก็นั่งเคเบิ้ลลงมาด้านล่างเพื่อเดินทางต่อไปที่ฮอยอัน
แล้วก็จบแล้วกับรีวิวบาน่าฮิลล์ เราแนะนำเลยว่ามาถึงดานังแล้วต้องมาที่นี้ มันมีดีกว่าที่คิดเยอะมาก ตอนแรกเราคิดว่ามันไม่น่าสนใจเลย ธีมปาร์คอะไร น่าเบื่อแน่ๆ แต่เราคิดผิด ที่นี้ให้บรรยากาศทีดีกว่าคิดมาก ยังคงยืนยันแนะนำว่าต้องมา และควรค้างพักที่นี้ แล้วจะพลาดวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในดานังเลยทีเดียว
รีวิวดานังยังไม่จบเพียงเท่านี้ เรายังไปต่อที่ฮอยอันอีก เราตั้งใจไปเพื่อกินๆๆๆ โดยเฉพาะเลยที่ฮอยอัน แล้วพบกันตอนต่อไป